เลือกภาษา
close
ชานมจ๋าขอลาก่อน
บทความและข้อมูลด้านสุขภาพโดย Pulse

ชานมจ๋าขอลาก่อน! เช็กหน่อย 6 พฤติกรรมเสี่ยงเบาหวาน ใครทำอยู่รู้ตัวรีบปรับ

 

ตื่นเช้า รถติด ฝนตก ลูกค้าว่า เจ้านายบ่น งานล้นจนมือเป็นระวิง…. เจอชีวิตหนักๆ ก็ต้องหาทางพักใช่ไหม และวิธีผ่อนคลายของแต่ละคนก็คงแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเติมน้ำตาลเข้าร่างกาย เดินสายตะลุยกิน แฮงค์เอาท์ปิดท้ายสัปดาห์ หรือหาซีรีส์ดูกันยาวๆ ตลอดเสาร์อาทิตย์ แต่! รู้หรือไม่? ว่าสิ่งต่างๆ ที่ทำอยู่นี้ อาจทำคุณต้องเสี่ยง “เบาหวาน” โดยไม่รู้ตัว

 

เช็กกันหน่อย! กับ 6 พฤติกรรม ยอดฮิตสายออฟฟิศ… ใช่คุณหรือไม่? ที่เดินสาย (เสี่ยง) เบาหวานอยู่

  1. ฮีลใจด้วยน้ำหวานยามบ่าย

    ไม่ว่าชีวิตจะหนักแค่ไหน เจอความหวานเข้าไปทีไรโลกก็สดใสทุกที  ใช้พลังงานสมองและใจมาครึ่งวัน บ่ายๆ แบบนี้ต้องหาน้ำหวานมาเติม energy ให้ร่างกาย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “หวาน” บ่งบอกถึงปริมาณน้ำตาลได้เป็นอย่างดี รู้ไหมว่าเมนูยอดฮิตอย่าง “ชานม” มีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ยถึง 10.5 ช้อนชา ขณะที่น้ำอัดลมก็ไม่น้อยหน้า เห็นซ่าๆ แต่ว่ามีน้ำตาลกว่า 6 ช้อนชาเช่นกัน ทั้งๆ ที่วัยทำงานแบบเราควรบริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือประมาณ 24 กรัม นี่ยังไม่นับรวมน้ำตาลแฝงที่มีอยู่ในเมนูต่างๆ อีกนะ เสริมน้ำหวานทุกบ่ายแบบนี้ เบาหวานอาจเป็นสิ่งที่… ไม่เกินจริง

  2. คลายเครียดด้วยปาร์ตี้ทุกวันศุกร์

    แฮงค์เอาท์ทั้งที ก็ต้องมีดริ๊งก์เป็นธรรมดา ก็รู้อยู่ว่าแอลกอฮอล์น่ะทำร้ายตับ แต่เกี่ยวกับเบาหวานยังไงใช่ไหม? ก็เพราะตับเป็นอวัยวะหลักที่คอยทำลายแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด การดื่มแอลกอฮอล์ 1 ดริ๊งก์ (24 กรัม) ตับต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงในการกำจัดแอลกอฮอล์ ยิ่งดื่มมาก ตับก็จะยิ่งทำงานหนัก พอทำงานหนักมากๆ เข้า ก็เกิดการสะสมไขมันไตรกลีเซอไรด์ในตับ ทำให้ตับสร้างและนำอินซูลินไปใช้ในร่างกายได้ไม่ดีเท่าที่ควร สุดท้ายร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ระดับน้ำตาลในเลือดจึงพุ่งทะยานเกินค่ามาตรฐานนั่นเอง

  3. ขลุกอยู่กับซีรีส์ไม่หลับไม่นอน

    ขอต่ออีกสัก EP. รู้ตัวอีกทีสว่างคาตา รู้ไหม? มีงานวิจัยพบว่าคนที่นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน จะมีระดับน้ำตาลสะสมในเลือดมากกว่าคนที่เข้านอนเร็ว เพราะระดับฮอร์โมนอินซูลินซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด  ทำงานได้ไม่เต็มที่ นำน้ำตาลไปใช้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ไม่สมบูรณ์ จึงทำให้มีน้ำตาลตกค้างในกระแสเลือดมากขึ้น แล้วยิ่งดึกเท่าไหร่ ยิ่งกระตุ้นให้อยากหาอะไรมาเคี้ยวให้ (ปาก) ไม่เหงา ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเป็น 2 เท่าโดยไม่รู้ตัว

  4. เรื่องออกกำลังกาย ขอบาย…ก่อน

    สาเหตุหลักของเบาหวานก็คือระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจนเกินพอดี ทำงานก็นั่งอยู่กับที่ กินหนัก ดื่มหนัก แล้วไม่ออกกำลังกายแบบนี้ ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยง! เพราะการออกกำลังจะกระตุ้นให้ร่างกายจะดึงน้ำตาลมาเผาผลาญเป็นพลังงาน จึงลดน้ำตาลสะสมในเลือดได้ และยังช่วยลดไขมันซึ่งเป็นอีกตัวการสำคัญทำเสี่ยงเบาหวาน

  5. ไม่มูฟออนจากความเครียด

    เวลาที่เราเครียดร่างกายจะหลั่งอะดรีนาลีนและคอร์ติซอลออกมามากขึ้น ซึ่งเจ้าฮอร์โมนทั้ง 2 ตัวนี้มีความเกี่ยวข้องกับน้ำตาลในเลือดโดยตรง ทั้งควบคุมและกระตุ้นให้ร่างกายผลิตกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือด ฉะนั้นยิ่งเครียดมาก ระดับน้ำตาลในเลือดก็ยิ่งสูงมากขึ้นนั่นเอง

  6. ยืนหนึ่งเรื่องของมัน-ของทอด

    สามชั้นแบบจูซี่ กับของทอดกรอบๆ ที่แสนจะดีต่อใจ อร่อยปากแต่ลำบากสุขภาพ เผลอๆ ได้ของแถมเป็นเส้นรอบเอวเพิ่มซะงั้น และไม่ใช่แค่ทำให้อ้วน แต่การเสพติดของทอดยังเพิ่มความเสี่ยงเบาหวาน โดยมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Clinical Investigation พบว่าไขมันมีส่วนทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้น้อยกว่าปกติ พอมีอินซูลินในปริมาณที่พอเหมาะแต่ร่างกายรู้สึกว่ามีไม่พอ ก็จะกระตุ้นให้ผลิตเพิ่ม พออินซูลินถูกกระตุ้นให้ผลิตเพิ่มก็ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงตามไปด้วย

 

เห็นไหม… แค่พฤติกรรมที่เราทำกันเป็นประจำแบบนี้ ก็เพิ่มความเสี่ยง จึงไม่น่าแปลกใจที่ประเทศไทยมีผู้ป่วยเบาหวานราว 5 ล้านคน และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100,000 คนต่อปี เพื่อความเบาใจสำหรับใครที่รู้ตัวว่าเราอาจเป็น 1 แสนคนต่อปีในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากลองปรับพฤติกรรมลดเสี่ยง อาจลองมองหาประกันสุขภาพที่ครอบคลุมกลุ่มโรค เบาหวานเอาไว้ เพราะเราเชื่อว่าคงไม่มีใครลาขาดกับชานมได้จริงหรอกมั้ง!  

เริ่มต้นมีสุขภาพที่ดีได้แล้ววันนี้ด้วยแอปพลิเคชัน Pulse by Prudential

ดาวน์โหลดเลย

 QR-code

 appstore  googleplay

Pulse by Prudential รองรับการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชัน 11.0 ขึ้นไป | Android เวอร์ชัน 7.0 ขึ้นไปเท่านั้น