
บริหารเงินฉบับซิงเกิ้ลมัม
เมื่อผู้หญิงต้องกลายมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือซิงเกิ้ลมัม ก็ต้องรับมือกับภาระหลาย ๆ อย่าง ทั้งภาระของตัวเองและอนาคตของลูก เพื่อดูแลลูกรักอย่างดีที่สุด ซิงเกิ้ลมัมจึงต้องเตรียมรับมือกับปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งเตรียมวางแผนทางการเงินเป็นอย่างดีเพื่อให้ใช้จ่ายได้อย่างเพียงพอ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าสำหรับคุณแม่ยุคใหม่จะต้องบริหารตัวเองอย่างไรให้การเงินไม่ขาดมือ ให้ซิงเกิ้ลมัมยุคใหม่สามารถใช้จ่ายได้อย่างสบายใจแบบไร้หนี้
ซิงเกิ้ลมัมเลี้ยงเดี่ยว บริหารตัวเองอย่างไรให้การเงินไม่ขาดมือ
รู้รายรับเช็กรายจ่าย
ก่อนจะเริ่มต้นทำอะไร ขอแนะนำให้เหล่าซิงเกิ้ลมัมเช็กรายรับและรายจ่ายของตนเองเสียก่อน ไม่ว่าซิงเกิ้ลมัมจะทำงานประจำหรือทำงานอิสระ เพื่อเป็นการประเมินว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร โดยอาจจดว่าในแต่ละเดือนมีรายรับเท่าใด ใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง การทำแบบนี้จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมการใช้จ่ายของตัวเอง รู้ว่าใน 1 เดือน 1 ปีนั้น เราต้องเสียรายจ่ายไปกับอะไรบ้าง หากมีการใช้จ่ายไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็นก็สามารถตัดรายจ่ายส่วนนั้นได้ถูกจุด
วางแผนทางการเงิน
เมื่อมองเห็นภาพรวมการใช้จ่ายแล้ว สิ่งต่อมาคือการวางแผนทางการเงินด้วยการจัดสรรรายรับ โดยแยกสัดส่วนของรายออกตามสูตร 50-30-20 ได้แก่
- Need 50% ค่าใช้จ่ายสำหรับสิ่งที่จำเป็นในชีวิตและจำเป็นต้องจ่าย เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ อินเทอร์เน็ต
- Want 30% ค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขให้ตนเอง หรือเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เช่น การท่องเที่ยว การดูหนัง ซื้อเสื้อผ้า
- Save 20% เพื่อการเก็บออมไว้ใช้จ่ายในอนาคตหรือเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ซิงเกิ้ลมัมมีส่วนนี้เอาไว้ปลอดภัยและอุ่นใจแน่นอน หากสัดส่วน Want ใช้ไม่ถึง 30% สามารถนำมาเพิ่มเติมในส่วนนี้ได้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามนำเงินสัดส่วน 20% ไปเพิ่มใน 30% เด็ดขาด!
บริหารเงินออมให้ได้ประโยชน์สูงที่สุด
บางคนอาจมองว่าเงินเก็บ 20% มันนิดน้อยเหลือเกิน จะทำอะไรได้? แต่ขอบอกเลยว่า 20% ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด โดยแนะนำให้ซิงเกิ้ลมัมแบ่งเงินออมเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เก็บเผื่อยามฉุกเฉิน กับอีกส่วนที่นำมาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้งอกเงยในตัวมัน เช่น การฝากธนาคาร การลงทุนกับกองทุนรวม รวมถึงการทำประกัน
วางแผนอนาคตให้กับลูก
การวางแผนอนาคตให้กับลูกเป็นอีกหนึ่งงานหลักที่ซิงเกิ้ลมัมจะต้องจัดการให้ดีเลย โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา เพราะเป็นสิ่งที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก คุณแม่จะต้องคิดให้ดีว่าจะเลือกส่งลูกเรียนโรงเรียนรัฐบาลหรือเอกชน เรียนในประเทศไทยหรือต่างประเทศ เช็กค่าเทอมเบื้องต้น เพื่อคำนวณดูว่าแต่ละปีต้องจ่ายค่าเทอมของลูกเท่าใด และต้องจ่ายเท่าใดจนจบปริญญาตรี การทำแบบนี้จะเป็นแนวทางว่าต้องมีงบประมาณเท่าใดสำหรับการเรียนแต่ละระดับชั้นไว้ล่วงหน้า คำนวณแล้วเห็นตัวเลขเยอะ ๆ ไม่ต้องตกใจ เราสามารถทยอยเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ ได้ โดยแนะนำให้แยกบัญชีสำหรับค่าเล่าเรียนของลูกไว้อีกบัญชีหนึ่ง
ลงทุนกับประกันเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระในอนาคต
อย่างที่เราบอกไว้ข้างต้นว่า การทำประกันเป็นหนึ่งในการบริหารเงินออมที่มีประโยชน์มาก ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ที่อาจจะมองหาประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ให้ลูกน้อยหรือให้ตัวของคุณแม่เอง เพราะประกันประเภทนี้มีข้อดี คือ มีเงินคืนให้อย่างสม่ำเสมอ สามารถนำเบี้ยประกันภัยมาลดหย่อนภาษี มีระยะเวลาครบกำหนดสัญญาที่แน่นอน ช่วยให้เหล่าซิงเกิ้ลมัมออมเงินได้ง่ายมากขึ้น มีเงินก้อนไว้ใช้เพื่อการศึกษาของลูกในอนาคตได้ หรือเก็บเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินก็ได้เช่นกัน เพราะเงินเก็บสะสมอาจไม่เพียงพอกับแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ประกันสะสมทรัพย์ยังให้ความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิตด้วย ช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับการใช้ชีวิต เพื่ออนาคตที่ดีและมั่นคงของลูกน้อย
การเป็นคุณแม่ยุคใหม่ต้องสตรอง แต่การเป็นซิงเกิ้ลมัมต้องสตรองยิ่งกว่า ต้องเตรียมกายและใจให้พร้อมเพื่อเป็นทั้งคุณพ่อและคุณแม่ให้กับลูกน้อย รวมไปถึงสภาพการเงินที่ต้องมั่นคง เพราะคุณภาพชีวิตของลูกนั้นสำคัญ คงจะดีไม่น้อยหากคุณแม่เตรียมแผนทางการเงินที่ครอบคลุมเอาไว้ มองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสนับสนุนรายได้อย่างการทำประกันสะสมทรัพย์ จาก Prudential เพื่ออุ่นใจว่าอย่างน้อยก็มีเงินก้อนไว้ซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายหนัก ๆ
Prudential ขอเป็นอีกหนึ่งแรงที่สนับสนุนและยืนเคียงข้างให้คุณเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป