เลือกภาษา
close
สัญญาณเตือน อาการ การรักษา วิธีป้องกัน ตากุ้งยิง
เคล็ด (ไม่) ลับ น่ารู้ - พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

ตากุ้งยิง: สัญญาณเตือน อาการ การรักษา และวิธีป้องกัน

เคยเป็นไหม ? ตื่นเช้ามาเห็นตาบวมแดง เจ็บปวด สัมผัสแล้วรู้สึกเหมือนมีก้อนเล็ก ๆ ที่เปลือกตา  กะพริบตาแต่ละครั้งก็แสบและเจ็บ แถมยังมีขี้ตาเหนียว ๆ มากกว่าปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณของโรค 'ตากุ้งยิง' ที่หลายคนเคยเจอแต่อาจไม่รู้วิธีรับมือที่ถูกต้อง

 

Table of Content:

 

ผู้หญิงเป็นตากุ้งยิง รู้สึกคันหรือระคายเคืองบริเวณเปลือกตา

 

1. ตากุ้งยิง คืออะไร ?

ตากุ้งยิง หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Hordeolum เป็นการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา มักมีลักษณะเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ ปวด บวม แดง บริเวณขอบเปลือกตา เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในต่อมไขมันหรือรูขุมขนของขนตา โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ

  • ตากุ้งยิงภายนอก (External Hordeolum) เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันที่อยู่ตื้นบริเวณขอบเปลือกตา มักสังเกตเห็นได้ชัดเจน มีลักษณะเป็นตุ่มแดงนูนขึ้นมา มักจะเจ็บเมื่อสัมผัส และอาจมีหัวหนองให้เห็นเมื่อเวลาผ่านไป

  • ตากุ้งยิงภายใน (Internal Hordeolum) เป็นการอักเสบของต่อมไขมันที่อยู่ในตำแหน่งที่ลึกกว่า แต่มักอยู่ด้านในของเปลือกตา หรือที่เรียกว่าตากุ้งยิงไม่มีหัว อาการจะรุนแรงกว่าแบบภายนอก ทำให้เปลือกตาบวมมากกว่า รวมถึงรู้สึกปวดมากกว่าด้วย และอาจต้องใช้เวลารักษานานกว่า

 

2. ตากุ้งยิงสามารถสังเกตอาการเริ่มต้นได้อย่างไร ?

อาการเริ่มต้นที่สังเกตได้

  • รู้สึกคันหรือระคายเคืองบริเวณเปลือกตา

  • รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา

  • เปลือกตาเริ่มแดงเล็กน้อย

  • เจ็บเล็กน้อยเมื่อ กะพริบตา

ระยะการพัฒนาของอาการ

  • เปลือกตาบวมแดงมากขึ้น

  • รู้สึกปวดมากขึ้นเมื่อกะพริบตาหรือสัมผัส

  • มีตุ่มแดงเล็ก ๆ เกิดขึ้นที่ขอบเปลือกตา

  • อาจมีขี้ตาเหนียวมากกว่าปกติ

  • ในบางรายอาจมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ

สัญญาณที่ต้องระวังและควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

  • หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์

  • มีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ปวดมากขึ้น บวมมากขึ้น

  • มีไข้

  • การมองเห็นเปลี่ยนแปลง

  • ตาแดงลามไปทั่วตา ไม่เฉพาะที่เปลือกตา

  • เป็นตากุ้งยิงซ้ำหลายครั้งในระยะเวลาใกล้เคียงกัน

 

3. ตากุ้งยิงเกิดจากอะไร ?

  1. เชื้อแบคทีเรีย สาเหตุหลักของตากุ้งยิงคือการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อ Staphylococcus Aureus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปบนผิวหนังและบริเวณรอบ ๆ ตา

  2. พฤติกรรมเสี่ยง

    • การขยี้ตาด้วยมือที่ไม่สะอาด

    • การใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุหรือปนเปื้อนเชื้อโรค

    • การใช้คอนแทคเลนส์โดยไม่ล้างมือให้สะอาด

    • การไม่ทำความสะอาดเครื่องสำอางก่อนนอน

    • การใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตาร่วมกับผู้อื่น

  3. ภาวะอ่อนแอของร่างกาย สามารถเกิดได้หากมีความเครียดสูง พักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออยู่ในช่วงระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และขาดสารอาหารบางชนิด

  4. โรคประจำตัวที่เพิ่มความเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) โรคตาแห้ง (Dry Eye Syndrome) และโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง

 

4. ตากุ้งยิงไม่มีหัว ต่างจากแบบมีหัวอย่างไร ?

ตากุ้งยิงแบบมีหัว

ตากุ้งยิงแบบมีหัวจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงที่มีจุดสีเหลืองหรือสีขาวตรงกลาง ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามีการสะสมของหนอง การรักษามักจะเร็วกว่าเพราะหนองสามารถระบายออกได้เอง เมื่อหัวหนองแตกออกมา อาการมักจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน

ตากุ้งยิงแบบไม่มีหัว

ตากุ้งยิงแบบไม่มีหัว มักเป็นการอักเสบที่ยังไม่มีหนองรวมตัวกันจนเป็นก้อนชัดเจน หรือหนองอยู่ลึกเกินไป ทำให้ไม่สามารถมองเห็นเป็นจุดสีเหลืองหรือขาว อาการอาจคงอยู่นานกว่าและอาจต้องใช้การประคบอุ่นบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้หนองรวมตัวกันและระบายออกได้

 

5. ตากุ้งยิงติดต่อไหม ? ควรระวังอย่างไร ?

ตากุ้งยิงสามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับน้ำหนองหรือสารคัดหลั่งจากตาที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการนำมือไปสัมผัสตาของตนเองแล้วไปสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ หรือผ่านการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หรือเครื่องสำอาง

ดังนั้นจึงควรระวัง โดยมีแนวทางการดูแลของใช้ส่วนตัวเพื่อป้องกันการติดต่อของตากุ้งยิง ดังนี้

ข้อควรระวังเพื่อป้องกันการติดต่อ

  • ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังสัมผัสบริเวณรอบดวงตา

  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา

  • ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น

  • หากมีคนในครอบครัวเป็นตากุ้งยิง ให้ระมัดระวังเรื่องสุขอนามัยเป็นพิเศษ

  • ในกรณีที่เป็นตากุ้งยิง ควรงดใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าอาการจะหายดี

การดูแลของใช้ส่วนตัว

  • ทำความสะอาดเครื่องสำอางและอุปกรณ์อย่างแปรงแต่งหน้า ฟองน้ำ และที่ดัดขนตาทุกครั้งหลังใช้

  • เปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าและปลอกหมอนบ่อย ๆ

  • ทิ้งเครื่องสำอางที่หมดอายุ

  • ไม่ใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น

  • ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าอย่างสม่ำเสมอ

 

6. ตากุ้งยิงกี่วันหาย ? ต้องรอนานแค่ไหน ?

โดยปกติ ตากุ้งยิงจะหายได้เองภายใน 7-10 วัน หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อและประเภทของตากุ้งยิง

ปัจจัยที่มีผลต่อการหาย

  • ประเภทของตากุ้งยิง หากเป็นตากุ้งยิงแบบภายใน อาจใช้เวลานานกว่าถึงจะหายดี

  • ความรุนแรงของการติดเชื้อ

  • ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

  • การได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที

  • หากมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน อาจทำให้อาการหายช้าลง

 

ตากุ้งยิงหายเองได้ไหม ส่วนใหญ่หายเองได้ แต่หากมีอาการรุนแรงหรือหายช้าควรพบแพทย์

 

7. ตากุ้งยิงหายเองได้ไหม ? ต้องพบแพทย์เสมอหรือไม่ ?

กรณีที่สามารถรักษาด้วยตนเอง

ตากุ้งยิงส่วนใหญ่สามารถหายได้เองเมื่อได้รับการดูแลที่บ้านอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะตากุ้งยิงภายนอกที่ไม่รุนแรง การประคบอุ่น การทำความสะอาดเปลือกตาอย่างเบามือ และการพักผ่อนให้เพียงพอมักจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้

กรณีที่ควรพบแพทย์

  • ตากุ้งยิงที่มีอาการรุนแรง เจ็บปวดมาก

  • อาการไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลตนเองที่บ้าน 7-10 วัน

  • มีการติดเชื้อที่ลามออกไปนอกบริเวณเปลือกตา

  • ตากุ้งยิงที่เกิดซ้ำบ่อย ๆ ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน

  • มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้ ตาพร่ามัว หรือปวดศีรษะรุนแรง

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงและควรพบแพทย์ทันที

  • ผู้ป่วยเบาหวาน

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

  • ผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดตามาก่อน

  • เด็กเล็ก

  • ผู้สูงอายุ

  • ผู้ที่มีอาการรุนแรงตั้งแต่เริ่มต้น

 

8. ตากุ้งยิงรักษายังไง ? วิธีแก้ไขอาการที่ถูกต้อง

การรักษาที่บ้าน (Home Treatment)

  • การประคบอุ่น : การประคบอุ่นจะช่วยให้หนองรวมตัวกันและระบายออกได้เร็วขึ้น ทำได้โดยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่น (ไม่ร้อนจนเกินไป) บิดหมาด ๆ ประคบบริเวณที่เป็นตากุ้งยิงประมาณ 10-15 นาที ทำซ้ำ 3-4 ครั้งต่อวัน

  • การทำความสะอาดเปลือกตา : ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสบริเวณรอบดวงตา ใช้น้ำสะอาดหรือน้ำเกลือล้างตาเบา ๆ แล้วจึงใช้สำลีหรือผ้าสะอาดซับให้แห้ง

  • สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

    • การบีบหรือเจาะตากุ้งยิงด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้น

    • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา

    • ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ระหว่างที่เป็นตากุ้งยิง

    • ไม่ควรแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตาระหว่างที่เป็นตากุ้งยิง

การรักษาโดยแพทย์

  • ยาปฏิชีวนะ : แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะชนิดหยอดตาหรือขี้ผึ้ง และในกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง อาจได้รับยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน

  • การเจาะระบายหนอง : ในกรณีที่ตากุ้งยิงมีขนาดใหญ่และไม่แตกเอง แพทย์อาจพิจารณาเจาะระบายหนองให้ โดยการเจาะจะทำภายใต้การใช้ยาชาเฉพาะที่และต้องดำเนินการโดยแพทย์เท่านั้น

  • การรักษากรณีรุนแรง : ในกรณีที่มีการติดเชื้อลุกลามมากอาจต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติม เช่น ในบางกรณีอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด

 

9. วิธีป้องกันตากุ้งยิงไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

  1. การรักษาความสะอาด ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสดวงตาหรือใบหน้า ควรล้างหน้าทุกครั้งก่อนนอนเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอาง และหลีกเลี่ยงการขยี้ตา

  2. การดูแลเครื่องสำอางและอุปกรณ์แต่งหน้า ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าทุก 1-2 สัปดาห์ เปลี่ยนเครื่องสำอางทุก 3-6 เดือน โดยเฉพาะมาสคาร่าและอายไลเนอร์ ที่สำคัญไม่ใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น และล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนนอน

  3. การดูแลคอนแทคเลนส์ ล้างมือให้สะอาดก่อนใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ ทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ตามคำแนะนำ รวมถึงเปลี่ยนคอนแทคเลนส์ตามระยะเวลาที่กำหนด และไม่ลืมถอดคอนแทคเลนส์ก่อนนอนทุกครั้ง

  4. การดูแลสุขภาพโดยรวม ด้วยการพักผ่อนให้เต็มที่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน และหลีกเลี่ยงความเครียด

 

ตากุ้งยิง ไม่น่ากลัว หากรู้จักวิธีรับมือที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม นอกจากการดูแลสุขภาพตาแล้ว การมีหลักประกันด้านสุขภาพที่ครอบคลุมก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะปัญหาสุขภาพมักเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต มีแผนประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลจากโรคต่าง ๆ ทั้งยังคุ้มครองโรคร้ายแรงที่คุณไม่คาดคิด

 

พรูเฮลท์แคร์ พลัส: ประกันสุขภาพเหมาจ่ายคุ้มครองครบถ้วน

พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต มีแผนประกันสุขภาพ "พรูเฮลท์แคร์ พลัส" ช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และให้ความคุ้มครองแบบเหมาจ่าย เพื่อให้คุณรู้สึกอุ่นใจในการรักษาตัว

  • ความคุ้มครองชีวิต

  • ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน สูงสุดถึง 5 แสนบาท

  • คุ้มครองโรคมะเร็งแบบ เจอ จ่าย จบ สูงสุด 1 ล้านบาท

เบี้ยประกันสุขภาพเริ่มต้นเพียง 20 บาทต่อวัน* พร้อมเครือข่ายโรงพยาบาลคู่สัญญากว่า 600 แห่งทั่วประเทศ

*สำหรับเพศชาย อายุ 20 ปี แผน 1 (ความคุ้มครองชีวิต 100,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาทต่อปี และคุ้มครองมะเร็ง 300,000 บาท)

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ สามารถสอบถามได้ที่พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

 

มองหาประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกแผนประกันสุขภาพพรูเฮลท์แคร์ พลัส (PRUHealthcare Plus)

 

หมายหตุ

  • ความคุ้มครองขึ้นอยู่กับแผนประกันภัยที่เลือก

  • เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

  • ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

 

ข้อมูลอ้างอิง