เลือกภาษา
close
เปลี่ยน 10 นิสัยเล็ก ๆ เป็นคุณคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม
เคล็ด (ไม่) ลับ น่ารู้ - พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

เปลี่ยน 10 นิสัยเล็ก ๆ
เป็นคุณคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม

เมื่อถึงช่วงต้นปี หลายคนมักจะตั้ง "New Year Resolution" หรือเป้าหมายสำหรับปีใหม่ การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น แต่บางครั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อน อาจทำให้เรารู้สึกท้อและล้มเลิกกลางทางได้ ลองเปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ หรือเปลี่ยนนิสัยเล็ก ๆ ที่อาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง นิสัยเหล่านี้สามารถเปลี่ยนชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้ มีการวิเคราะห์จากนักจิตวิทยา Dr.Wendy Wood อธิบายว่า การสร้างนิสัยที่ดีช่วยให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ เพราะ 40% ของสิ่งที่เราทำเป็นผลมาจากนิสัยของเรา และการปรับปรุงตัวเองเพียง 1% ต่อวันจะส่งผลยิ่งใหญ่เมื่อเวลาผ่านไป

 

ไอเดีย New Year Resolution 2025

 

ไอเดีย New Year Resolution 2025 เปลี่ยน 10 นิสัยเล็ก ๆ เป็นคุณคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม

  1. ตั้งนาฬิกาปลุกให้เร็วขึ้น 15 นาที และไม่กด snooze อีกต่อไป

    ปรับเปลี่ยนการตื่นนอนตอนเช้าให้เร็วขึ้นเพียง 15 - 20 นาที จะช่วยให้คุณมีเวลาตอนเช้ามากขึ้น ได้ใช้เวลากับตัวเองและคนรอบข้าง มีเวลาจิบกาแฟ รับแสงแดด สูดอากาศตอนเช้า และมีเวลาทบทวนวางแผนประจำวัน หรือทำสิ่งที่รักมากขึ้น

  2. ดื่มน้ำทันที 2 แก้วหลังตื่นนอน

    เป็นกิจวัตรที่เรียบง่าย แต่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมหาศาล หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การเริ่มต้นวันด้วยการดื่มน้ำเพียงไม่กี่แก้ว สามารถส่งผลต่อร่างกายและจิตใจในระยะยาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ การดื่มน้ำทันทีหลังจากตื่นนอน ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร และลำไส้ให้เริ่มทำงานอย่างราบรื่น การดื่มน้ำตอนเช้ายังช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ลดปัญหาท้องผูก และช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของเลือด การดื่มน้ำหลังตื่นนอนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากขึ้น ทำให้รู้สึกสดชื่นและพร้อมเริ่มวันใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการฟื้นฟูผิว ให้ผิวคงความชุ่มชื้น ลดการเกิดริ้วรอย และช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี

  3. อาบน้ำเย็นตอนเช้า

    เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการดูแลสุขภาพ เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายและจิตใจในตอนเช้า น้ำเย็นจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ให้เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีและเร็วขึ้น การสัมผัสกับน้ำเย็นจะทำให้ร่างกายตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่า ช่วยให้รู้สึกสดชื่นในทันที ทั้งนี้ น้ำเย็นยังช่วยกระตุ้นการหดตัวของรูขุมขน ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นจากผิว ทำให้ผิวดูกระชับขึ้น

  4. ฝึกหายใจแบบ Box Breathing หรือ Square Breathing ช่วยลดความเครียด

    การควบคุมการหายใจให้เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ซึ่งได้รับความนิยมและพัฒนาโดย “อดีตหน่วยซีลกองทัพเรือสหรัฐ” ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ตรงในการใช้ชีวิตผ่านความเครียด โดยทำการฝึกหายใจช้า ๆ ลึก ๆ ใน 4 ขั้นตอน ที่เรียกว่า Four-Square Breathing ก็เนื่องจากว่า สี่เหลี่ยมจัตุรัสประกอบด้วยด้านทั้งสี่ ที่มีความยาวเท่ากัน เปรียบเหมือนแต่ละขั้นตอนใน “เทคนิคการหายใจแบบสี่เหลี่ยม” ที่จะใช้เวลาเท่ากันนั่นเอง เทคนิคนี้ช่วยคลายความเครียด สงบสติอารมณ์ และทำให้จิตใจกระปรี้กระเปร่า การหายใจเข้าลึก ๆ จะช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในสมอง เพิ่มสมาธิ และประสิทธิภาพการรับรู้ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานหรือจัดการสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    วิธีฝึกการหายใจ ลดเครียด


    ขั้นตอน และวิธีฝึกการหายใจแบบสี่เหลี่ยม
    (Square Breathing)

    “แบบ 4-4-4-4”

    1) หายใจเข้าช้า ๆ ลึก ๆ เป็นเวลา 4 วินาที

    2) กลั้นหายใจค้างไว้เป็นเวลา 4 วินาที

    3) ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกเป็นเวลา 4 วินาที

    4) กลั้นลมหายใจ (อย่าเพิ่งหายใจเข้า) เป็นเวลา 4 วินาที

    จากนั้นให้ทำซ้ำขั้นตอนเหล่านี้ไปเรื่อย ๆ ช่วงแรกอาจฝึกทำครั้งละเล็กน้อยก่อน แล้วค่อย ๆ ขยับเวลาให้มากขึ้น หาเวลาฝึกหายใจแบบนี้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ทำก่อนนอนจะช่วยลดความเครียดที่มีมาทั้งวัน

  5. อ่าน หรือฟัง สิ่งใหม่ ๆ วันละ 1 เรื่อง

    เพิ่มเติมความรู้ พัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรืออ่านออนไลน์ ฟังพอดแคสต์รายการที่อัพเดทความรู้นอกเหนือจากสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว เป็นการเรียนรู้ในระยะเวลาสั้น ๆ เน้นเนื้อหาที่กระชับและตรงประเด็น หรือที่เรียกกันว่า Micro Learning เพื่อช่วยพัฒนาความรู้และทักษะ รวมถึงทำให้ได้ความรู้ใหม่ ๆ สร้างแนวความคิดใหม่ เพื่อต่อยอดความรู้เดิมที่มีอยู่ อาจจะกำหนดเวลาเรียนรู้โดยใช้เวลาเพียง 10 - 15 นาทีต่อวัน ตั้งเวลาไว้ชัดเจน เช่น ตอนเช้าก่อนเริ่มงาน หรือตอนเย็นก่อนเข้านอน ซึ่งช่วยพัฒนาตนเองแบบต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกหนักหนาหรือกดดันเกินไป

  6. เดินหรือออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน

    การออกกำลังกายมักเป็นโจทย์ยากที่ทำให้หลายคนทำไม่สำเร็จสักที ลองเปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เริ่มต้นทีละน้อย เช่น เดิน 15 นาทีต่อวัน และค่อย ๆ เพิ่มเวลา และความถี่ เลือกเดินในสถานที่ที่ปลอดภัยและมีอากาศบริสุทธิ์ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น เช่น สวนสาธารณะใกล้บ้านหรือใกล้ที่ทำงาน ลองกำหนดเวลาในตารางประจำวันเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ตอนเช้าก่อนเริ่มงาน หรือเย็นหลังเลิกงาน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือเดินเล่นกับสัตว์เลี้ยง ใช้แอปพลิเคชันหรืออุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกาย เช่น สมาร์ทวอทช์ เพื่อบันทึกจำนวนก้าวและเวลาในการเดิน

  7. เปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์

    กำหนดวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ให้เป็น "วันเปลี่ยนผ้าปู" เพื่อให้เป็นกิจวัตรที่ง่ายต่อการปฏิบัติ การทำสิ่งเล็ก ๆ อย่างต่อเนื่องช่วยสร้างนิสัยที่มีระเบียบในชีวิต ทั้งยังดีต่อสุขภาพ เพราะไรฝุ่นเป็นสาเหตุสำคัญของโรคภูมิแพ้ เช่น อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และอาการไอ การเปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยครั้งช่วยลดปริมาณไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ในที่นอน นอกจากนี้ ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนสามารถสะสมเหงื่อ น้ำมันจากผิวหนัง เซลล์ผิวที่หลุดลอก และแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาผิวหนัง เช่น ผื่น สิว หรืออาการแพ้ การเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนเป็นประจำ ช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกเหล่านี้ การมีที่นอนสะอาดช่วยให้รู้สึกสบายผ่อนคลายและหลับลึกยิ่งขึ้น

  8. ลดการกินหวาน ตัดขาดน้ำตาลอย่างจริงจัง

    ไม่เพียงสุขภาพจะดีขึ้น ลดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ น้ำหนักตัวจะลดลง ผิวพรรณจะสดใสอ่อนเยาว์ขึ้น เริ่มจากตั้งเป้าหมายระยะยาวควรลดอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ร่างกายปรับตัว และลดความอยากได้อย่างยั่งยืน จัดการสิ่งแวดล้อมรอบตัว หลีกเลี่ยงการเก็บของหวานไว้ที่บ้าน ล่อตาลวงใจให้เผลอหยิบทาน เตรียมของว่างเพื่อสุขภาพไว้ทดแทน เช่น ถั่ว เมล็ดพืช ผลไม้สด หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หันมาใส่ใจเรื่องการอ่านฉลากอาหาร สังเกตปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ การลดบริโภคน้ำตาลและของหวาน เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย ถ้าเราทำได้ เป้าหมายนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราหันมารักสุขภาพมากขึ้น ทั้งยังดีต่อสุขภาพระยะยาว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับร่างกายก็คุ้มค่าอย่างแน่นอน หมดกังวล และเสริมความมั่นใจไปด้วยกัน คลิกเลย!

  9. ยืดเหยียดร่างกายทุกเช้า 15 นาทีก่อนเริ่มงาน แก้อาการ ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

    เมื่อการทำงานนั่งโต๊ะ และไลฟ์สไตล์ที่ขาดการเคลื่อนไหว กลายเป็นเรื่องปกติ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตกใจ คนวัยทำงานจำนวนมากต้องเผชิญกับความปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาการอักเสบ และปัญหาทางสุขภาพเรื้อรังต่าง ๆ การยืดเหยียดร่างกายทุกเช้า หรือทุกครั้งที่รู้สึกว่านั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ท่ายืดเหยียดที่นับว่าจำเป็นและควรทำทุกคนโดยเฉพาะชาวออฟฟิศคือยืดกล้ามเนื้อคอบ่าไหล่ ใช้มือจับอ้อมไปบนหัวดึงศีรษะที่ละทิศทั่งหมด 4 ทิศทาง ซ้าย ขวา หน้า หลัง ค้างไว้นับ 1 – 10 ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดความตึงเครียดที่สะสมในร่างกาย การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้สมองปลอดโปร่ง เพิ่มสมาธิ และประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง

  10. เลิกนอนดึก ตื่นสายในวันหยุด

    เคยชินกับการใช้เวลาช่วงวันหยุดไปกับการนอนดึก ตื่นสาย ไม่ต้องรีบทำอะไรจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมง่าย ๆ เพื่อให้วันหยุดของเราเป็นวันหยุดที่มีคุณภาพ เริ่มจากตัดใจวางสมาร์ทโฟน ปิดจอต่าง ๆ แล้วนอนเร็วขึ้น เพราะร่างกายจะซ่อมแซมได้ดีที่สุดในช่วง 5 ทุ่ม - ตี 1 ดังนั้นเราควรตั้งต้นนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม เพื่อให้หลับสนิทได้ก่อน 5 ทุ่ม เพื่อจะได้ตื่นเช้าในวันหยุด จะพบว่าเรามีเวลามากขึ้นในการทำกิจกรรมที่อยากทำ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทานมื้อเช้ากับครอบครัวหรือคนที่เรารัก หรือแม้แต่การทำความสะอาดบ้าน จะทำให้เราไม่รู้สึกว่าเสียเวลาวันหยุด ไปกับการนอนหลับเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การนอนหลับที่มีคุณภาพจะทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลดีต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และยังช่วยให้ร่างกายมีพลังในการเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่น

 

ปี 2025 นี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มต้นสร้างนิสัยใหม่ ๆ และเปลี่ยนแปลงตัวเองทีละนิด เพื่อให้คุณกลายเป็นคนใหม่ที่มีความสุข สุขภาพดี และประสบความสำเร็จในระยะยาว อย่าลืมเข้ามาเติมความรู้ด้วยบทความสุขภาพและการเงิน จากพรูเด็นเชียล ที่ https://link.prudential.co.th/aP9X0

 

ชีวิตมีกัน...ทุกวันดีกว่า

PRUHealth Hub บทความสุขภาพและการเงิน จากพรูเด็นเชียล

 

อ้างอิง

The Power of Tiny Habits: How Small, Sustainable Changes Can Lead to Big Results

How to start a new habit: think small

ประโยชน์ของการดื่มน้ำหลังจากตื่นนอน 

ออกกำลังกายอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ