พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เดินหน้าช่วยเหลือชาวไทย
สู้ภัยโควิด-19 ส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์
ให้โรงพยาบาลด่านหน้า 5 แห่ง

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 6 กันยายน พ.ศ. 2564 - บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“พรูเด็นเชียล ประเทศไทย”) มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นอย่างมากในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ในประเทศไทยในปัจจุบัน ให้กับโรงพยาบาลของรัฐทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดหาเครื่องช่วยหายใจแบบให้อากาศผสมออกซิเจนด้วยอัตราการไหลสูง (Airvo2 Humidified High Flow Generators) ซึ่งเป็นที่ต้องการและจำเป็นต่อการรับมือกับวิกฤตด้านสาธารณสุขในปัจจุบัน เพื่อดูแลและรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่มีความรุนแรงระยะปานกลาง ซึ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเครื่องจะสร้างอากาศที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมก่อนจะส่งอากาศไปยังจมูกและทางเดินหายใจของผู้ป่วยผ่านทางหน้ากาก มอบให้กับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของรัฐในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ 1) โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพมหานคร 2) โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี 3) โรงพยาบาลสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร และ 4) โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งหมด 8 เครื่อง (โรงพยาบาลละ 2 เครื่อง)

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมอบเครื่องฉีดสารละลายรุ่น BeneFusion VP5 Ex จำนวน 15 เครื่อง ให้กับวชิรพยาบาล ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับฉีดสารละลายเข้าเส้นเลือดดำของผู้ป่วยตามการคำนวนปริมาตรที่มีระบบเฝ้าติดตามอาการและระบบช่วยชีวิต โดยมีโหมดต่างๆ ให้เลือกถึง 8 โหมด ครอบคลุมและตอบสนองวิธีการรักษาที่หลากหลายของบุคลากรทางการแพทย์ตามอาการของผู้ป่วยโควิด-19

นายโรบิน สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า "บริษัทฯ ยังคงสนับสนุนประเทศไทยในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทฯ ด้วยความมุ่งมั่งในการจัดการและตอบสนองต่อผลกระทบต่างๆ จากโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจัดหาและมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ ในการรักษาประชาชนจำนวนมากต่อไป”

"การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในครั้งนี้ นับเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้คนนับล้านทั่วโลก ที่ต่างร่วมมือกันให้ผ่านพ้นวิกฤติการณ์นี้อย่างเต็มที่ ซึ่งเหล่าบุคลากรทางการแพทย์เป็นหนึ่งในกลุ่มฮีโร่ผู้เสียสละมากที่สุด และพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ก็พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถเพื่อให้คนไทยปลอดภัย รวมถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนสังคมไทยอย่างเต็มที่เช่นกัน” นายโรบิน กล่าวเสริม

สำหรับการจัดหาและส่งมอบเครื่องมือทางการแพทย์ในครั้งนี้ของพรูเด็นเชียล ประเทศไทย เป็นการต่อยอดจากกองทุนฟื้นฟูโควิด-19 ของกลุ่มพรูเด็นเชียล ที่ได้ดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนและสังคมไทยมาแล้วมากมาย อาทิ การสร้างห้องแยกโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ (AIIR) และคลินิกโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ (ARI) เพื่อดูแลและช่วยชีวิตผู้ป่วยติดเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจที่รุนแรงโดยเฉพาะผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19  ให้แก่โรงพยาบาลด่านหน้า 4 แห่ง ในประเทศไทย ได้แก่ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล วชิรพยาบาล โรงพยาบาลหาดใหญ่ และโรงพยาบาลสงฆ์ ฯลฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเดินหน้าให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ที่จำเป็นต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมบริจาคเพื่อช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับทั้ง 5 โรงพยาบาล สามารถติดต่อได้ตามช่องทางต่างๆ ดังนี้

1) วชิรพยาบาล

• ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 012-0-31980-2

2) โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

• ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 901-3-50034-4

3) โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

• ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 069-3-90654-7

• ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 091-0-20188-8

• ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 475-099083-3

4) โรงพยาบาลสมุทรสาคร

• ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 570-443547-6

5) โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน

• ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 981-3-79389-9

เกี่ยวกับ บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

พรูเด็นเชียลได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี ภายใต้ชื่อ บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้บริการแก่ลูกค้ามากกว่า 1.6 ล้านราย ในประเทศไทย และบริหารสินทรัพย์ให้แก่ลูกค้ามูลค่ากว่า 112 พันล้านบาท ในปีพ.ศ. 2563 พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มีผลกำไรจากการดำเนินงานตามมาตรฐานบัญชี IFRS เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 สู่ระดับ 203 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีเบี้ยประกันภัยรับแบบถ่วงน้ำหนัก เพิ่มขึ้นร้อยละแปด สู่ระดับ 667 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563)