
บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายที่แฝงมากับแฟชั่น
31 พฤษภาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เป็น "วันงดสูบบุหรี่โลก" เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนทั่วโลกตระหนักถึงพิษภัยของการสูบบุหรี่ และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสุขภาพทั้งของผู้สูบเองและคนรอบข้าง การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคร้ายแรงหลายชนิด เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคปอดเรื้อรัง การสัมผัสควันบุหรี่มือสอง ก็สามารถก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้เช่นเดียวกับการสูบโดยตรง แม้จะมีข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเผยผลสำรวจสถานการณ์การสูบบุหรี่ของคนไทยในปี 2567 มีแนวโน้มลดลง โดยมีผู้สูบบุหรี่ทั้งสิ้น 9.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.5 ของประชากรอายุ 15 ปี ขึ้นไป ซึ่งลดลงจากปี 2564 ที่คิดเป็นร้อยละ 17.4 ซึ่งหลายหน่วยงานให้ความสำคัญกับโครงการที่จะช่วยให้ประชาชนเลิกสูบบุหรี่ และป้องกันให้มีนักสูบหน้าใหม่เกิดขึ้นน้อยที่สุด เช่น คลินิกทันตกรรมสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สามารถชักชวนผู้สูบบุหรี่ให้เข้าร่วมโครงการได้ 51.32% จากผู้สูบ 26,109 ราย และมีผู้ที่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ 1,272 ราย คิดเป็น 9.5%
บุหรี่ไฟฟ้า Gen5 เมื่อเหยื่อคือเด็กและเยาวชน
แต่ที่น่าจับตามองคือการเข้ามาของบุหรี่ไฟฟ้า ที่เข้าถึงได้ง่ายกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ และมีความเสี่ยงทำให้แนวโน้มนักสูบรุ่นเยาว์เพิ่มจำนวนมากขึ้นในอนาคต จากผลการสำรวจของการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทย (Global Youth Tobacco Survey : GYTS) ปี 2565 พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็ก และเยาวชนเพิ่มสูงขึ้นก้าวกระโดดจาก 3.3% ในปี 2558 เป็น 17.6% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นถึง 5.3 เท่า การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็ก จะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ เพราะเด็กที่ติดบุหรี่ไฟฟ้า โอกาสเลิกสูบยาก และเสพติดหนักกว่าติดบุหรี่ธรรมดา
“Toy Pod” เมื่อชื่อและรูปลักษณ์เหมือนของเล่น แต่ไม่ใช่ของเล่น
บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง Gen5 “Toy Pod” ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้ำสมัยในสายตาของเยาวชน ด้วยรูปลักษณ์สวยงาม กะทัดรัด ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น ไปจนถึงกลิ่นหอมชวนลิ้มลอง มีการใช้ตัวการ์ตูนให้น่าสนใจ นำเสนอเรื่องราวให้น่าสะสม ดูเหมือนของเล่น ทั้งยังหาซื้อง่ายราคาถูก และการตลาดที่แฝงมากับความสนุกสนาน บุหรี่ไฟฟ้าจึงไม่ได้ถูกมองว่าเป็น "ยาเสพติด" เหมือนบุหรี่ธรรมดาอีกต่อไป หากแต่กลายเป็น "แฟชั่น" และ "ของเล่น" สำหรับวัยรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนมัธยมและนักศึกษา การตลาดเหล่านี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปยังผู้ใหญ่ที่ต้องการเลิกบุหรี่เหมือนที่ผู้ผลิตเคยอ้าง แต่เป็นการปูทางให้ เด็กกลายเป็นผู้เสพติด หรือผู้สูบหน้าใหม่ในอนาคต
5 ความจริงที่บุหรีไฟฟ้าไม่เคยบอกคุณ
-
การสูบบุหรี่ไฟฟ้า 1 ครั้ง
ส่งนิโคตินถึงสมองใน 10 วินาที มากกว่าที่สูบบุหรี่ 1 มวน
-
พิษของบุหรี่ไฟฟ้า
ยังส่งผลเหนี่ยวนำการอักเสบ ลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ทั้งด้านพฤติกรรม หน่วยความจำ กล้ามเนื้อกระตุก เสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบสูงขึ้น 71%, โรคหัวใจวายเฉียบพลันสูงขึ้น 59% และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดสูงขึ้น 40%
-
บุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินระดับสูง
ต่างจากยาที่ใช้เลิกบุหรี่ที่ทางการแพทย์ใช้งาน ซึ่งมีนิโคตินระดับต่ำ บุหรี่ไฟฟ้าจึงไม่สามารถช่วยให้เลิกบุหรี่มวนได้
-
สารปรุงแต่งทั้งกลิ่น รสชาติ
มีสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายมากกว่า 16,000 ชนิด เช่น ฟอร์มาลีน เบนซิน ยาฆ่าแมลง
-
น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสารพิษร้ายแรง
มีรายงานการกินน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าโดยเข้าใจว่าเป็นขนม ทำให้หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิต
บุหรี่ไฟฟ้า คุกคามสุขภาพเราได้รุนแรงแค่ไหน
-
แม้ว่าไม่มีควันจากการเผาไหม้ แต่ในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคติน และโลหะหนักต่างๆ เช่น นิกเกิล ดีบุก และตะกั่ว ซึ่งก่อตัวกลายเป็นโมเลกุลฝุ่นขนาดเล็ก 1.0 และ PM 2.5 สามารถสร้างผลเสียต่อระบบการหายใจ ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบเฉียบพลันได้
-
สารนิโคตินดูดซึมทางผิวหนังและเยื่อเมือกที่บุผิว เช่น ปาก จมูก หรือการสูดดมทางปอด เมื่อนิโคตินเข้าร่างกาย จะเข้าสู่สมองภายในเวลา 8-10 วินาที ออกฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดแดงหดรัดตัว ความดันโลหิตสูงขึ้น หายใจเร็วขึ้น และกระตุ้นสมองส่วนกลาง ทำให้ผู้สูบรู้สึกคลายความเครียด ในคนที่ติดนิโคตินมาก เมื่อหยุดสูบจะแสดงอาการอยากนิโคติน ทำให้กระวนกระวาย ขาดสมาธิ หงุดหงิด มึนศีรษะ เศร้าหมอง นอนไม่หลับ หากกลับไปสูบ อาการดังกล่าวก็จะหายไป
-
ทำให้เกิดปอดอักเสบรุนแรงแบบเฉียบพลันจากบุหรี่ไฟฟ้า หรือที่เรียกว่าโรค EVALI (E-cigarette or Vaping product use Associated Lung Injury) โดยส่วนใหญ่ 95% ผู้ป่วยจะมีอาการ ไข้หนาวสั่น ไอ หายใจลำบาก ปวดเมื่อยตามตัว คล้ายการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย และ 77% ของผู้ป่วยมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งผู้ป่วยที่มีภาพ X-ray และ CT Scan ปอดมักจะมีความผิดปกติ เป็นฝ้าขาว หายใจไม่ไหว เกิดภาวะพร่องออกซิเจนได้รุนแรง จนหลายรายเกิดภาวะหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้
-
บุหรี่ไฟฟ้ามีสารที่ทำให้เกิดการเป็นมะเร็งได้ เช่น โพรไพลีนไกลคอล และกลีเซอรีน ทั้ง ยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดหอบหืด โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคเส้นเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหดตัว เหนื่อยง่ายในคนที่อายุน้อย
-
สารนิโคตินมีผลทำให้ระบบประสาทส่วนกลาง เซลล์สมองถูกทำลาย การนอนหลับ ผิดปกติ ปวดศีรษะ เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ความจำลดลง ส่งผลต่อพัฒนาการของสมองทั้งต่อทารกในครรภ์ เด็ก และวัยรุ่น มีผลทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น โรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจเต้นเร็ว และหัวใจเต้นผิดจังหวะ
-
มีผลต่อระบบหายใจ เกิดการระคายเคือง ไอ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดลมหดเกร็ง หลอดลมอักเสบ หากสูบระยะยาว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรม สมรรถภาพปอดเสื่อมถอย ปริมาตรปอดลดลงและก่อให้เกิดมะเร็งปอด
-
มีผลระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร อาการคลื่นไส้ ปากแห้ง กรดไหลย้อนและอาจจะนำไปสู่ โรคมะเร็งได้ในอนาคต
ความเชื่อ VS ความจริง เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
ความเชื่อ: บุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกบุหรี่ธรรมดาได้
ความจริง: บุหรี่ไฟฟ้ามีพิษภัยที่ไม่ต่างกัน หรืออาจร้ายกาจกว่าบุหรี่ธรรมดาเสียด้วย นอกจากไม่ช่วยทำให้เลิกบุหรี่ธรรมดาแล้วยังเสี่ยงเปิดโอกาสให้ทดลองสิ่งเสพติดอย่างอื่นด้วย
ความเชื่อ: บุหรี่ไฟฟ้าสูบแล้วไม่ติด
ความจริง: มีแนวโน้มติดมากขึ้นเรื่อย ๆ และเลิกได้ยาก จากผลสำรวจพบว่ามีโอกาสจะสูบทั้งสองอย่างทั้งบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้า และการติดนิโคตินจากบุหรี่ไฟฟ้า เด็กจะติดเร็วกว่าบุหรี่ธรรมดา
ความเชื่อ: การสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ทำให้เป็นมะเร็งปอด
ความจริง: ในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารที่ทำให้เกิดการเป็นมะเร็งได้ เช่น โพรไพลีนไกลคอล และกลีเซอรีน หากสูดดมอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองปอดได้ และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดหอบหืด
ความเชื่อ: การสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีผลต่อสุขภาพปอดเนื่องจากเป็นพียงแค่ไอน้ำ
ความจริง: ควันจากบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษที่ก่อให้เกิดโรครวมอยู่ด้วย ทั้งโลหะหนัก เช่น นิกเกิล ดีบุก และตะกั่ว ซึ่งก่อตัวกลายเป็นโมเลกุลฝุ่นขนาดเล็ก 1.0 และ PM 2.5 สามารถสร้างผลเสียต่อระบบการหายใจ ที่ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบเฉียบพลัน
บุหรี่ธรรมดา |
บุหรี่ไฟฟ้า |
บุหรี่แบบดั้งเดิมที่ผลิตจากใบยาสูบอบแห้ง ม้วนในกระดาษบาง มีการเติมสารเคมีเพื่อปรับรสชาติหรือกลิ่น เมื่อจุดไฟเผาไหม้จะเกิดควัน ซึ่งผู้สูบจะสูดเข้าไปโดยตรง |
เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แบตเตอรี่สร้างความร้อนให้น้ำยาบุหรี่ มีกลไกการทำงานที่ใช้ระบบการส่งนิโคตินแบบอิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นไอ ผู้ใช้สูดไอนั้นเข้าไปแทนควันจากการเผาไหม้ |
ปริมาณสารนิโคติน 1.2 มิลลิกรัม |
มีปริมาณสารนิโคติน 4- 241.2 มิลลิกรัม |
อาศัยการเผาไหม้โดยตรง ก่อให้เกิดควันพิษจำนวนมาก เช่น ทาร์ คาร์บอนมอนอกไซด์ นิโคติน ฟอร์มาลีน และสารก่อมะเร็งอื่นๆ |
ใช้กลไกการระเหย ไม่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ แต่จะผลิตไอที่มีสารเคมีอันตรายหลายชนิด เช่น นิโคติน ฟอร์มาลดีไฮด์ โพรโพลีนไกลคอน กลีเซอลีน และสารหนู |
ในประเทศไทย บุหรี่มวน เป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบที่สามารถจำหน่ายได้ ภายใต้กฎหมายที่ควบคุม เช่น การห้ามขายให้คนอายุต่ำกว่า 20 ปี |
ยังถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในไทย ห้ามนำเข้า จำหน่าย หรือครอบครอง แต่ก็เห็นโฆษณาตามสื่อต่างๆ นิยมสูบให้เห็นกันอย่างแพร่หลาย ทั้งยังหาซื้อง่ายตามแพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วไปอีกด้วย |
การจัดการกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถพึ่งพาแค่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งครอบครัว โรงเรียน หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้เท่าทันพิษภัยของบุหรี่ และปลูกฝังค่านิยมของเยาวชน กล้าปฎิเสธ โดยการไม่สูบ ไม่ลอง ไม่ตกเป็นเหยื่อของการตลาด
อ้างอิง