
รู้เท่าทัน อันตรายจากเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
ทุกคนเคยฉุกคิดไหมว่า เครื่องสำอางและครีมบำรุงเป็นสิ่งที่สัมผัสกับผิวของเราโดยตรง และอยู่ใกล้ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดด รองพื้น ลิปสติก แต่ก่อนที่จะซื้อเครื่องสำอางทุกครั้งควรแน่ใจว่าเครื่องสำอางนั้น ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย และเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง
Table of Content:
เครื่องสำอางแบบไหนไม่ได้มาตรฐาน และเสี่ยงอันตราย ?
ทุกวันนี้ตลาดเครื่องสำอางเติบโตในตลาดมาก มีผลิตภัณฑ์ราคาไม่แพงเกิดขึ้นมากมาย และไม่ได้เจาะกลุ่มเฉพาะแค่สาว ๆ เท่านั้น แต่ยังขยายไปยังกลุ่มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย เด็ก หรือว่า LGBTQ+ นอกจากนี้ยังสามารถซื้อได้ง่ายผ่านทางอินเทอร์เน็ต เราทุกคนในฐานะผู้บริโภคจึงควรระมัดระวังและใส่ใจในส่วนผสม เพราะแม้ว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ แต่หากว่ามีสารเคมีที่อันตรายผสมอยู่ในเครื่องสำอาง ก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้เช่นเดียวกัน
วิธีสังเกตเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน
ในประเทศไทยมีกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องสำอางตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558 เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและควบคุมการผลิต รวมถึงการนำเข้าและจำหน่ายเครื่องสำอาง ซึ่งมีวิธีสังเกตเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานดังต่อไปนี้
-
ไม่มีเลขจดแจ้ง อย. หรือข้อมูลที่ตรวจสอบได้ โดยสามารถค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาที่เว็บไซต์ แนะนำให้ดูว่าผลิตภัณฑ์ได้จดตรงกับที่จดทะเบียนไว้หรือไม่
-
แพ็กเกจไม่มีวันผลิต/วันหมดอายุ หรือไม่มีส่วนผสมระบุไว้อย่างชัดเจน เพราะนั่นอาจจะแปลว่ามีการผลิตหรือนำเข้าแบบผิดกฎหมาย ไม่ได้รับการอนุญาตจาก อย.
-
ราคาถูกผิดปกติ เมื่อเทียบกับแบรนด์ที่ได้มาตรฐานและมีส่วนผสมที่คล้ายคลึงกัน อาจจะเป็นของเลียนแบบหรือของปลอมที่มีส่วนผสมอันตรายปะปนอยู่ด้วย
-
มีคำโฆษณาที่เกินจริง เช่น "ขาวใสใน 3 วัน" หรือ "ลดสิว ฝ้า กระ ทันที" เพราะหากเป็นไปตามที่กล่าวอ้าง เป็นไปได้ว่าจะมีสารเคมีที่เป็นอันตรายอย่างสารก่อมะเร็งได้
-
มีกลิ่นแรง สีแปลก หรือมีเนื้อสัมผัสผิดปกติ เนื่องจากมีสารเคมีที่เป็นอันตรายผสมอยู่ แม้ว่าจะให้ผลลัพธ์รวดเร็ว แต่อันตรายต่อสุขภาพ
สารเคมีอันตรายที่อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังและผลกระทบต่อสุขภาพอื่น ๆ
เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน มักจะใส่ส่วนผสมที่เป็นอันตรายจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และบางตัวอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งอีกด้วย และนี่คือลิสต์ของสารที่อาจก่อมะเร็งในเครื่องสำอาง ที่ถูกห้ามใส่ในเครื่องสำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป
ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
เป็นสารเคมีที่ใช้เพื่อยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีของผิวหนังหรือเมลานิน ทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งนอกจากใส่ในเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวขาวแล้ว ยังพบได้ในครีมลดฝ้าและกระ แต่ถึงแม้ว่าจะมีการใช้สารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้า กระ รวมถึงขี้แมลงวัน แต่ก็ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ และไม่ควรใช้ในระยะยาว เพราะอาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ซึ่งปัจจุบันถูกห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายโดยทั่วไป แต่ยังสามารถจ่ายได้ตามดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น
ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde)
เป็นสารเคมีที่ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อยืดอายุผลิตภัณฑ์ รวมถึงการถูกนำมาใส่ในเครื่องสำอาง แต่องค์การอนามัยโลกได้ออกมาประกาศว่า ฟอร์มาลดีไฮด์เป็นสารก่อมะเร็ง หากว่าสัมผัสในปริมาณมาก หรือใช้ในระยะยาว สำหรับในเมืองไทยฟอร์มาลดีไฮด์ถูกห้ามใช้ในเครื่องสำอางเช่นเดียวกัน
สารเร่งขาว เช่น ปรอท (Mercury)
โดยปกติแล้ว ปรอท เป็นสารเคมีที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ทำให้เกิดอาการพิษเรื้อรัง และอาจจะก่อให้เกิดภาวะสมองฝ่อได้ นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดอาการแพ้และฝ้าถาวร ไม่ว่าจะเป็นการสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน หรือได้รับในปริมาณมากในคราวเดียวกัน สำหรับสารปรอทก็เป็นอีกหนึ่งสารเคมีที่ถูกห้ามใช้ในเครื่องสำอางเช่นเดียวกัน
สารตะกั่ว (Lead)
สารตะกั่วเป็นสารเคมีอันตรายที่ส่งผลต่อสุขภาพร้ายแรง ซึ่งลิปสติกที่ไม่ได้มาตรฐานจากบางแบรนด์อาจมีการปนเปื้อนของสารตะกั่วอยู่ ที่แม้จะไม่ใช่ส่วนประกอบหลักก็ตาม ซึ่งหากว่าสัมผัสเป็นเวลานาน อาจเกิดการสะสม และเสี่ยงต่อโรคทางประสาทและระบบเลือด รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้
สารเคมีที่คนแพ้ง่ายควรระวัง
นอกจากสารเคมีที่กล่าวมาแล้ว ยังมีสารเคมีที่คนผิวแพ้ง่ายและผิวบอบบางควรระมัดระวัง เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้รุนแรง
ซัลเฟต (Sulfates)
โซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) และโซเดียมลอเรทซัลเฟต (SLES) เป็นสารที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเครื่องสำอางอย่างแชมพู สบู่เหลว และครีมอาบน้ำ เพื่อช่วยลดแรงตึงผิว สร้างฟอง และทำความสะอาดร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาจจะทำให้เกิดระคายเคือง และก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมได้
น้ำหอมสังเคราะห์ (Fragrance/Perfume)
น้ำหอมสังเคราะห์ถูกนำมาผสมในเครื่องสำอางอย่างแพร่หลาย เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม มีราคาถูกกว่าน้ำหอมจากธรรมชาติ และช่วยกลบกลิ่นสารเคมีต่าง ๆ ที่ผสมในเครื่องสำอาง แต่หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้แพ้หรือระคายเคืองผิวได้เช่นเดียวกัน
แอลกอฮอล์บางชนิด (Alcohol Denat.)
แอลกอฮอล์ที่ใช้ในเครื่องสำอาง คือ แอลกอฮอล์เดนาติว์ (Alcohol Denat.) ที่นำเอาเอทานอลมาผสมกับสารอื่น ๆ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย กระชับรูขุมขน และควบคุมความมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากว่าใช้ในปริมาณมากเกินไปก็อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ ผู้ที่มีผิวแห้งและแพ้ง่ายอยู่แล้วจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
พาราเบน (Parabens)
สารเคมีตัวสุดท้ายที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้คือ พาราเบน มีคุณสมบัติในการป้องกันการเติบโตของเชื้อราหรือแบคทีเรีย พูดง่าย ๆ ก็คือ ถูกใช้เป็นสารกันเสียในเครื่องสำอาง โดยมีข้อดีคือ ราคาถูกและช่วยป้องกันการเติบโตของเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ นอกจากนี้ ยังมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย อย่างฮอร์โมนเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนอีกด้วย
เลือกเครื่องสำอางให้ปลอดภัย พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยประกันสุขภาพจากพรูเด็นเชียล ประเทศไทย
การเลือกใช้เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ และตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานอาจไม่เพียงทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง แต่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ จึงควรเลือกเครื่องสำอางที่มีฉลากชัดเจน ได้รับการรับรองจาก อย. ว่าไม่มีสารเคมีอันตรายอยู่ในส่วนผสม
นอกจากนี้ การป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างการทำประกันโรคร้ายแรง พรูโรคร้าย ซูเปอร์คุ้ม จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ยังจะช่วยให้รู้สึกอุ่นใจยิ่งขึ้น เพราะคุ้มครองโรคร้ายแรง รวมถึง ในราคาที่คุณเอื้อมถึง
-
คุ้มครอง 63 โรคร้ายแรง
-
เบี้ยฯ 2 บาทต่อวัน*
-
คุ้มครองทุกช่วงวัย ถึงอายุ 99 ปี
-
คุ้มครองโรคร้ายตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
หมายเหตุ เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด
*คำนวณเบี้ยประกันจาก เพศหญิง อายุ 35-39 ปี จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท
สนใจประกันสุขภาพรายเดือนไม่ต้องสำรองจ่าย จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต คลิกเลย
ข้อมูลอ้างอิง