เลือกภาษา
close
การคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อหาอัตราการเสียภาษี
เคล็ด (ไม่) ลับ น่ารู้ - พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

เช็กลิสต์ ค่าลดหย่อนภาษี 2568 ที่คุณควรรู้ !

การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นหน้าที่ที่ผู้มีรายได้ทุกคนต้องทำเป็นประจำทุกปี ซึ่งกฎหมายได้กำหนดเกณฑ์การเสียภาษีเอาไว้อย่างชัดเจนตามรายได้สุทธิ แต่สำหรับผู้ที่ไม่อยากเสียภาษีเยอะ หรือต้องการรับเงินภาษีที่ถูกหักจากรายได้คืน ก็สามารถทำได้ด้วยการขอลดหย่อนภาษีด้วยวิธีต่าง ๆ ยิ่งถ้ามีการวางแผนภาษีอย่างเข้าใจตั้งแต่เนิ่น ๆ คุณก็จะมีโอกาสเสียภาษีน้อยลงตามไปด้วย

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีรายได้ ไม่ว่าจะจากงานประจำ ฟรีแลนซ์ หรือช่องทางใด ๆ ก็ตาม และต้องการวางแผนลดหย่อนภาษี เรามีข้อควรรู้เกี่ยวกับรายการลดหย่อนภาษี 2568 ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้มาแนะนำแบบครบจบทุกประเด็น รับรองว่าช่วยวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

วิธีคำนวณเงินได้สุทธิและอัตราการเสียภาษีของประเทศไทย

สำหรับวิธีการคำนวณภาษีของประเทศไทยนั้น จะเป็นแบบขั้นบันได กล่าวคือยิ่งมีรายได้มาก ก็ยิ่งต้องเสียภาษีมาก โดยสูตรในการคำนวณเงินได้สุทธิ จะเป็นการนำเงินได้ทั้งหมด มาหักลบกับค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนภาษีที่มีอยู่ แล้วจึงออกมาเป็นเงินได้สุทธิที่นำไปใช้ในการคำนวณภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยมีสูตรการคำนวณเงินได้สุทธิ ดังนี้

 

สูตรคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อัปเดตปี 2568

ตารางคำนวณอัตราภาษีของประเทศไทย

อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2568

 

ในส่วนของวิธีการคำนวณเงินภาษีที่ต้องจ่ายนั้น สามารถคำนวณได้โดยใช้สูตร [(เงินได้สุทธิ - เงินได้สุทธิของลำดับขั้นก่อนหน้า) x อัตราภาษีแบบ %] + ภาษีสะสมสูงสุดของลำดับขั้นก่อนหน้า

ตัวอย่างเช่น คุณ A มีเงินได้ 1,000,000 บาท มีค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนรวม 100,000 บาท ก็สามารถคำนวณเงินได้สุทธิของคุณ A ได้ว่า 1,000,000 - 100,000 = 900,000 บาท จากนั้นจึงนำมาคำนวณภาษีโดยใช้สูตรข้างต้น ได้เป็น

[(900,000 - 750,000) x 20%] + 65,000 = 95,000

ดังนั้น คุณ A จึงต้องเสียภาษีเป็นจำนวนเงิน 95,000 บาทนั่นเอง

รายการลดหย่อนภาษีปี 2568 มีอะไรบ้าง ?

รู้ข้อดีของการลดหย่อนกันแล้ว เชื่อว่าผู้มีรายได้ทุกคน คงอยากเริ่มต้นวางแผนเพื่อจะลดหย่อนภาษีในปีนี้กันบ้างแล้วอย่างแน่นอน โดยกรมสรรพากรกำหนดให้การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2568 สามารถลดหย่อนได้ผ่าน 4 กลุ่มค่าใช้จ่ายด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มส่วนตัวและครอบครัว กลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน กลุ่มเงินบริจาค และกลุ่มโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ดังนี้

 

ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มส่วนตัวและครอบครัว


1. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มส่วนตัวและครอบครัว

พูดง่าย ๆ ก็คือค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในครอบครัว ได้แก่

  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว จำนวน 60,000 บาท

  • ค่าลดหย่อนคู่สมรส กรณีแต่งงานแล้วและคู่สมรสไม่มีรายได้ จำนวน 60,000 บาท

  • ค่าลดหย่อนบุตรอายุไม่เกิน 20 ปี หรือไม่เกิน 25 ปี กรณีที่ยังศึกษาอยู่ จำนวน 30,000 บาทต่อคน หากมีบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป และเกิดตั้งแต่ปีพ.ศ. 2561 ลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อคน

  • ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์และคลอดบุตร คำนวณตามจริง แต่ต้องไม่เกิน 60,000 บาท

  • ค่าเลี้ยงดูบิดามารดาของตนเองและคู่สมรส และมีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป คนละ 30,000 บาท

  • ค่าลดหย่อนกรณีอุปการะผู้พิการหรือทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท

 

ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน


2. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน

เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี เพราะนอกจากจะได้เงินภาษีคืนแล้ว ยังได้รับผลประโยชน์ในการคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ รวมถึงได้ออมเงินผ่านการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ด้วย ดังนี้

นอกจากประกันชีวิตและประกันสุขภาพของตนเองแล้ว เรายังสามารถนำรายจ่ายที่เกิดจากการลงทุนด้านอื่น ๆ มาลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีกด้วย โดยในหมวดหมู่นี้ สามารถลดหย่อนรวมกันได้ทั้งหมดไม่เกิน 500,000 บาท ได้แก่

  • เบี้ยประกันสังคม ลดหย่อนได้สูงสุด 9,000 บาท

  • เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 15,000 บาทต่อคน

  • การลงทุนในกองทุน Thai ESG ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท แต่ต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้

  • การลงทุนในกองทุน Thai ESGX

    • ลงทุนใหม่ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2568 ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท แต่ต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้

    • กรณีโอนหน่วยลงทุนมาจากกองทุน LTF ปีแรกลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท ปี 2569-2572 ลดหย่อนได้ปีละ 50,000 บาท

  • การลงทุนในธุรกิจ Social Enterprise ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท

  • การลงทุนในกองทุน RMF ลดหย่อนได้สูงสุด 500,000 บาท แต่ต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้

  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ลดหย่อนได้สูงสุด 500,000 บาท แต่ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้

  • กองทุนบำเหน็จข้าราชการ ลดหย่อนได้สูงสุด 500,000 บาท แต่ต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้

  • เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท แต่ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้

กองทุนการออมแห่งชาติ ลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท

 ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มโครงการกระตุ้นเศรฐกิจจากรัฐบาล


3. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ

ค่าใช้จ่ายกลุ่มโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ อาจมีความเปลี่ยนแปลงไปตามนโยบายในแต่ละปี เช่น

  • โครงการช้อปดีมีคืน หรือ โครงการ Easy e-Receipt ลดหย่อนได้สูงสุด 50,000 บาท สำหรับปี 2568 ค่าซื้อสินค้าหรือบริการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 ตามจำนวนที่จ่ายจริงรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 50,000 บาท โดยต้องเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการที่มีใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์จากระบบของกรมสรรพากรเท่านั้น โดยวงเงิน 50,000 บาทแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

    • วงเงิน 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และผู้ขายที่มีใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐาน

    • วงเงิน 20,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้า OTOP วิสาหกิจชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม

  • ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัย ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท

 

ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มเงินบริจาค


4. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มเงินบริจาค

เงินบริจาคในที่นี้ หมายถึงการบริจาคเงินให้กับองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลของรัฐ วัด หรือหน่วยงานอื่น ๆ ประกอบด้วย 3 หมวดด้วยกัน

  • เงินบริจาคทั่วไป ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายตามจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนแล้ว

  • เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม สถานพยาบาลของรัฐ และประโยชน์สาธารณะ ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนแล้ว

  • เงินบริจาคให้พรรคการเมือง ลดหย่อนได้สูงสุด 10,000 บาท

 

เอกสารลดหย่อนภาษีที่ต้องเตรียม อัปเดตปี 2568

สุดท้าย หากต้องการลดหย่อนภาษี สิ่งที่คุณต้องมีก็คือเอกสารสำคัญต่าง ๆ โดยเอกสารที่จำเป็นในการลดหย่อน ได้แก่

  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ 50 ทวิ

  • เอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบกำกับภาษี หนังสือรับรองการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตและประกันสุขภาพ หนังสือรับรองการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF หนังสือรับรองดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย

 

เตรียมเอกสารครบแล้ว ก็สามารถยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ หรือนำเอกสารไปยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ได้เลย เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้รับเงินภาษีคืนมาเพื่อต่อยอดการลงทุนหรือใช้จ่ายในเรื่องจำเป็นแล้ว

หากคุณกำลังวางแผนภาษีในปีนี้ แล้วต้องการซื้อประกันสุขภาพและประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษี ที่พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เรามีผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ครอบคลุมทุกความต้องการ เลือกซื้อประกันภัยและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1621

หมายเหตุ

  • ความคุ้มครองขึ้นอยู่กับแผนประกันภัยที่เลือก

  • เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

  • ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. สรุปวิธีคำนวณภาษี ปี 2566: จับมือสอนตั้งแต่เริ่มต้น ครบจบทุกขั้นตอน

  2. ค่าลดหย่อน (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา)

  3. รู้จัก ThaiESGX

  4. คำถาม-คำตอบ (Q&A) มาตรการ “Easy E-Receipt 2.0”