เลือกภาษา
close
เบาได้เบา ทำงานหนักไป เสี่ยงได้โรคเป็นโบนัส
เคล็ด (ไม่) ลับ น่ารู้ - พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

เบาได้เบา ทำงานหนักไป
เสี่ยงได้โรคเป็นโบนัส

เมื่อโลกหมุนเร็ว การทำงานก็มีความเข้มข้นมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว มนุษย์เงินเดือนทั่วไปจะทำงานประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และมากกว่า 2,000 ชั่วโมงต่อเดือน ซึ่งในบางสายอาชีพอาจจะทำงานเยอะกว่านี้มาก จนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว หรือ Work-Life Balance เลย แต่จะโทษใครก็คงยาก เพราะสังคมยุคใหม่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ความกดดัน ความคาดหวัง และภาระงานมากมายที่มี Deadline จ่ออยู่เสมอ ซึ่งการทำงานหนัก อาจทำให้เราประสบความสำเร็จไว ได้รายได้ที่มั่นคง และภาคภูมิใจไม่น้อยเมื่อประสบความสำเร็จได้ไว แต่ถ้าทำงานหนักเกินไป นอกจากโบนัสแล้ว ระวังจะได้โรคภัยต่าง ๆ เป็นของแถม

 

มีงานวิจัยที่พบว่าคนที่ต้องนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะ หรืออยู่กับหน้าจอ นานเกินกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนและโรคอื่น ๆ สูงกว่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ทำงานและมีการขยับร่างกาย 60 - 75 นาทีต่อวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พนักงานออฟฟิศ นักบัญชี งานที่ปรึกษา หรือโปรแกรมเมอร์

 

ทำงานหนักเกินไป เสี่ยงได้โรคอะไรเป็นโบนัสบ้าง?

 

 

โรคออฟฟิศซินโดรม:

อาการปวดเมื่อยหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ที่พบได้บ่อยในคนที่นั่งทำงานนานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งเกิดจากการนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบของสมอง และประสาทที่คอและไหล่ เรียกได้ว่าเป็นของคู่กันเลยระหว่างโรคนี้กับชาวออฟฟิศอย่างเรา

โรคนิ่วในถุงน้ำดี:

ทำงานหนัก ๆ ก็ต้องอยากกินของหวาน หรือของทอด ปิ้งย่าง หรือชาบู ซึ่งอาหารเหล่านี้มีปริมาณไขมันที่สูง อาจส่งผลให้สมดุลของน้ำดีเสียไป และการตกตะกอนของคอเรสเตอรอลทำให้เกิดก้อนผลึกขึ้นในถุงน้ำดี เกิดเป็นนิ่วในถุงน้ำดีขึ้นได้

โรคต่อมหมวกไตล้า:

เมื่อร่างกายมีภาวะเครียดสะสมเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ต่อมหมวกไตทำงานหนักเกินไป ทำให้ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จนนำไปสู่อาการต่าง ๆ เช่น อาการปวดตามร่างกาย
เหนื่อยล้า การนอนหลับ หรือระบบย่อยอาหารมีปัญหา หรือมีความรู้สึกอยากรับประทานอาหารรสหวานหรือเค็มผิดปกติ

โรคเครียด:

แน่นอนว่าการทำงานในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับความกดดัน และความคาดหวังสูง อาจทำให้เกิดภาวะเครียด ซึ่งการส่งสัญญาณจากร่างกายของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เช่น ใจเต้น มือสั่น วิตกกังวล หิวบ่อย เป็นต้น ซึ่งโรคเครียดอาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งกายและจิตใจ เช่น การนอนไม่หลับ อาการปวดหัวอยู่บ่อย ๆ ปัญหาในการเรียนรู้และจดจำสิ่งต่าง ๆ หากเป็นเรื้อรังอาจทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้ผมร่วงเป็นกระจุก หรือแม้กระทั่ง ภาวะเครียดสะสม อาจทำให้ระบบประสาทของร่างกายถูกทำลาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดโรคปลอกประสาทอักเสบได้

โรคกรดไหลย้อน:

อีกหนึ่งโรคยอดฮิตสำหรับคนทำงานหนัก เมื่อไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ก็ไม่มีเวลาเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีเวลาทานข้าวแค่ช่วงดึก แล้วต้องรีบนอนทันที จึงเป็นเหตุให้เกิดโรคกรดไหลย้อนขึ้นได้

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ:

เกิดจากการอั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน และบ่อยครั้ง นอกจากนี้ การดื่มน้ำน้อย หรือดื่มกาแฟในปริมาณมาก ก็มีส่วนทำให้เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้เช่นกัน

โรคหัวใจ:

การทำงานหนัก ๆ ติดต่อกัน อาจเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เนื่องจากความเครียด และการทำงานที่ต้องตัดสินใจ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ในเวลาที่บีบคั้น อาจทำให้ระบบหัวใจทำงานหนักเกินไป มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่สะดวก และ อาการหัวใจขาดเลือด

นอกจากนี้ การกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ และขาดการออกกำลังกาย ยังทำให้เสี่ยงภาวะไขมันในหลอดเลือดอุดตัน อันเป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอีกด้วย

โรคอ้วน:

การนั่งอยู่ที่เดิมทั้งตอนกิน และตอนทำงาน ทำให้ร่างกายลดประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานที่ใช้ต่อวัน รวมถึงการกินจุกจิก กินตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชานม ของหวาน เพื่อแก้ง่วง หรือลดความเครียดจากการทำงานต่าง ๆ พฤติกรรมการกินเช่นนี้ บวกกับการที่ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย จะทำให้เป็นโรคอ้วน ซึ่งอาจจะฟังดูเหมือนไม่ใช่โรคที่น่ากลัว แต่ที่จริงแล้วมันคือสะพานที่จะนำไปสู่ไปสู่โรคร้ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น

 

 

อย่างไรก็ตาม การป้องกันล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดภาวะอันตรายต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราควรระมัดระวัง และตระหนักถึงสัญญาณที่ร่างกายพยายามแสดงออกมา เช่น รู้สึกเหนื่อยง่าย มีอาการปวดเมื่อย เมื่อทำงานหนัก ๆ หรือรู้สึกเครียด และไม่มีความสุขต่อการทำงาน สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนภัยที่เราควรใส่ใจทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ

แนวทางการป้องกันที่ดีและง่ายที่สุด คือการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาสุขภาพจิตให้ดี นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การลุกออกจากที่นั่งทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อขยับแขน - ขา และการใช้อุปกรณ์การทำงานตามหลักการยศาสตร์ ก็เป็นสิ่งสำคัญ

เมื่อการทำงานหนัก เพื่อหาเงิน กลายเป็นเรื่องปกติของคนวัยทำงาน จนสถิติของโรคร้ายในวัยทำงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว เรามาสร้างความอุ่นใจให้ตัวเอง ด้วย ประกันสุขภาพเหมาจ่าย PRUe-Healthcare Plus เจ็บป่วยเมื่อไหร่ ไม่ต้องใช้เงินเก็บ เคลมได้ไวทุกรายการตามจริง สูงสุด 500,000 บาท ซื้อออนไลน์ก็ง่าย
คลิกเลย! https://pruthai.life/HwVPy

ถึงแม้งานหนักจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเราดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ที่สุด ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล และพรูเด็นเชียลพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณและคนที่คุณรัก
เพราะเราเชื่อว่า ‘ชีวิตมีกัน...ทุกวันดีกว่า’