
โสดสตรองตัวแม่ เลือกบ้านพักคนชรายังไงในวัยเกษียณ?
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ด้วยจำนวนประชากรวัยเกษียณที่เพิ่มขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้ชีวิต เช่น เลือกที่จะโสด มีลูกน้อยลง หรือมองหาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน เป็นต้น เมื่อการพึ่งพาตนเองหลังเกษียณกลายเป็นเรื่องสำคัญ หนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้ชีวิตวัยเกษียณสะดวกสบายขึ้นก็คือ บ้านพักคนชรา ที่ในปี 2567 มีคนค้นหาคำนี้สูงถึง 4,500 ครั้งต่อเดือน สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจ และการหาข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากเราเลือกได้เหมาะสมก็จะช่วยให้ใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายอย่างมีคุณภาพ แต่คำถามสำคัญคือ จะวางแผนอย่างไรให้มีเงินบำนาญเพียงพอ? และถ้าเลือกบ้านพักคนชราควรเลือกแบบไหน? บทความนี้มีคำตอบ
เปิดสถิติสะท้อน ‘สังคมสูงวัย’ ในไทย ปี 2567
ก่อนจะไปพูดถึงบ้านพักคนชรา หรือการวางแผนเกษียณ รวมถึงการเตรียมเงินบำนาญไว้ใช้ในวัยชรา จากข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ระบุว่า ประเทศไทยมีประชากรรวมทั้งสิ้น 65,951,210 คน และจากข้อมูลของ Thailand Indicators 2567 พบว่าสัดส่วนของประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด* เท่ากับมีผู้สูงอายุประมาณ 13.19 ล้านคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของประเทศ ที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์
*อ้างอิงจากรายงานการสำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย สำนักงานสถิติแห่งชาติ
วางแผนเกษียณยังไง? ให้มีเงินบำนาญรายเดือนใช้ไปตลอดชีวิต
การเกษียณอายุ คือ การหยุดทำงานตามกฎหมาย โดยทั่วไปกำหนดไว้ที่ 60 ปี สำหรับทั้งเพศชายและเพศหญิง แน่นอนว่าถ้าอยากเกษียณอายุแบบที่ใช้ชีวิตสบาย ๆ มีเงินพอใช้ไปตลอดชีวิต การวางแผนเกษียณยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอย่าลืมว่า ถึงแม้ไม่มีรายได้แล้ว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เหมือนเดิม เราจึงต้องคำนึงถึงรายจ่ายหลังเกษียณอายุเอาไว้ ซึ่งวิธีคำนวณรายจ่ายหลังเกษียณอายุจะคำนวณจากเป้าหมายชีวิต และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนว่าอยากจะเป็นแบบไหนนั่นเอง
ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องเตรียมเพื่อเกษียณอายุ
ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องครอบคลุมตั้งแต่การใช้ชีวิตพื้นฐานไปยังสิ่งที่ต้องการอยากจะทำในชีวิตหลังเกษียณ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมเอาไว้ เช่น
-
ค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยบ้านพักคนชรา เช่น ค่าเช่ารายเดือน หรือซื้อแบบสิทธิ์อยู่ถาวร
-
ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่านันทนาการ
-
ค่ารักษาพยาบาล เช่น ค่าหมอ ค่ายา และค่ากายภาพบำบัด
-
ค่าประกันสุขภาพ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในอนาคต
-
ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ค่าดูแลเพิ่มเติมอื่น ๆ ในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
วิธีคำนวณเงินที่ต้องใช้หลังเกษียณ
การคำนวณเงินที่ต้องใช้หลังเกษียณเอาไว้คร่าว ๆ จะทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ จะได้ใช้ชีวิตแบบ
สบาย ๆ โดยไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องเงินทอง สมมติว่า นางสาว A อายุ 30 ปี วางแผนที่จะเกษียณตอนอายุ 60 ปี และมีแพลนจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอีก 25 ปี วิธีคำนวณเงินที่ใช้หลังเกษียณของนางสาว A คือ
คำนวณค่าใช้จ่ายรายปีหลังเกษียณ
สมมตินางสาว A ใช้เงินเดือนละ 30,000 บาท
ดังนั้น ค่าใช้จ่ายรายปีจะคิดเป็น 30,000 × 12 = 360,000 บาท
คำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้หลังเกษียณทั้งหมด
นางสาว A คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอีก 25 ปี
จะคิดเป็น 360,000 ×25 = 9,000,000 บาท
คำนวณค่ารักษาพยาบาลตามเงินเฟ้อ
ปัจจุบันนางสาว A มีค่ารักษาพยาบาล 36,000 บาท/ปี อายุมากขึ้น ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโนมเพิ่มเฉลี่ย 10% หลังเกษียณจะใช้ชีวิตอีก 25 ปี คิดด้วยสูตร “ค่ารักษาพยาบาลในอนาคต = ค่ารักษาพยาบาลปัจจุบัน × (1+อัตราเงินเฟ้อด้านสุขภาพ) ^จำนวนปีหลังเกษียณ”
ดังนั้น ค่ารักษาพยาบาลจาก 36,000 บาท/ปี จะเป็น 390,049 บาท/ปี
หากกังวลค่าใช้จ่ายส่วนนี้ แนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพไว้เลย
คำนวณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ โดยคิดตามอัตราเงินเฟ้อ
ค่าเงินจะลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ เฉลี่ย 3% ต่อปี โดยสูตรคำนวณการคิดอัตราเงินเฟ้อ คือ
“เงินที่ต้องการหลังเกษียณ = (ค่าใช้จ่ายรายปี + ค่ารักษาพยาบาลรายปี) × (1+อัตราเงินเฟ้อ) ^จำนวนปีหลังเกษียณ”
ดังนั้น ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณจะเป็น (9,000,000+390,049) × (1+0.03)^25 = 19,660,677 บาท
จะเห็นได้ว่าต้องมีเงินเก็บอย่างน้อย 19,660,677 บาท ถึงจะเพียงพอในการใช้จ่ายช่วงเวลาหลังเกษียณ 25 ปี โดยไม่ต้องหารายได้จากช่องทางอื่นเพิ่มเติม
6 บ้านพักคนชราในไทย เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์ชีวิตหลังเกษียณ
ในประเทศไทยมีบ้านพักคนชรา หรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหลายแห่งให้เลือกใช้บริการ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งแต่ละแห่งก็มีจุดเด่น และบริการที่ต่างกันออกไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่า บ้านพักคนชราหรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุไหนที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มโสดสตรองบ้าง
บ้านพักคนชรา บ้านบางแค
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งแรกของเมืองไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2496 เป็นบ้านพักคนชราที่มีราคาถูก เมื่อเทียบกับบ้านพักคนชราอื่น ๆ สำหรับใครที่อยากจะวางแผนเกษียณอายุแล้วไปอยู่บ้านพักคนชราบ้านบางแค ราคาจะอยู่ที่
-
ห้องพักเดี่ยว 1,500 บาท/เดือน/คน
-
ห้องพักคู่ (มา 2 คน เช่น พี่น้อง สามีภรรยา) 2,000 บาท/เดือน (หรือ 1,000 บาท/เดือน/คน) ซึ่งยังไม่รวมค่าน้ำ-ค่าไฟ และจะต้องเสียค่าบำรุงแรกเข้า 300,000 บาท
โดยมีสิทธิประโยชน์ คือ
-
บริการด้านการรักษาพยาบาล โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพตลอด 24 ชั่วโมง
-
ฝึกสอนงานประดิษฐ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถมีรายได้เพิ่มเติม
-
จัดกิจกรรมนันทนาการในโอกาสต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี
บ้านพักคนชรา บ้านเย็นจิต
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยระยะพักฟื้น รวมไปถึงผู้สูงอายุประเภทอื่น ๆ ซึ่งควบคุมการดูแลผู้สูงอายุโดยพยาบาล และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ ที่ผ่านการอบรมเฉพาะด้าน
สำหรับบ้านพักคนชรา บ้านเย็นจิต จะมีราคาห้องพักรวม 10 คน เริ่มต้นที่ 10,000 บาท/เดือน/คน โดยมีสิทธิประโยชน์ คือ
-
มีกิจกรรมให้ผู้สูงอายุได้ออกกำลังกาย และผ่อนคลาย
-
มีบริการดูแลผู้สูงอายุ แบบไป-กลับ ทั้งรายวันและรายเดือน
-
มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
บ้านพักคนชรา แสนสิริ โฮม แคร์
สำหรับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ แสนสิริ โฮม แคร์ มีทั้งหมด 4 สาขา ในกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ โดยจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพ เน้นการดูแลเสมือนบ้าน บรรยากาศร่มรื่น สะอาด ถูกหลักอนามัย มีพยาบาลวิชาชีพดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับบ้านพักคนชรา แสนสิริ โฮม แคร์ มีราคาห้องพักรวม 6 คน เริ่มต้นที่ 18,000 บาท/เดือน/คน โดยมีสิทธิประโยชน์ คือ
-
มีนักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุ
-
ที่พักปรับอากาศ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี
-
เตียงลม และเครื่องดูดเสมหะ (ไม่คิดค่าบริการ และค่าไฟเพิ่มเติม)
บ้านพักคนชรา คุณตา คุณยาย เนอร์สซิ่งโฮม
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นที่มุ่งเน้นการดูแลเสมือนคนในครอบครัว ให้บริการดูแลทั้งผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับบ้านพักคนชรา คุณตา คุณยาย เนอร์สซิ่งโฮม ราคาจะแบ่งเป็น
-
ห้องรวม 3 คน ราคา 18,000 บาท/เดือน/คน
-
ห้องคู่ราคา 22,000 บาท/เดือน/คน
-
ห้องเดี่ยวราคา 26,000 บาท/เดือน
โดยมีสิทธิประโยชน์ คือ
-
จัดอาหาร 3 มื้อ พร้อมอาหารว่างตามหลักโภชนาการ
-
ออกกำลังกาย และกายภาพบำบัด
-
บริการดูแลและช่วยเหลือด้านการพยาบาล เช่น การฝ้าระวังภาวะโรคหรืออาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ตรวจวัดสัญญาณชีพจร พลิกตัวผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น
-
บริการดูแลและช่วยเหลือด้านอารมณ์ เช่น คอยพูดคุยกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยพักฟื้น เพื่อจะได้รับฟัง อารมณ์ และความรู้สึกต่าง ๆ หรือกิจกรรมนันทนาการเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิต
บ้านพักคนชรา เอลเดอร์ลี่คลับ เนอร์สซิ่งโฮม
ถือเป็นบ้านพักคนชรา บ้านพักคนสูงอายุ และผู้ป่วยระยะพักฟื้น ที่มาในรูปแบบคฤหาสน์ระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายใน เหมาะกับคนที่วางแผนเกษียณชีวิตแบบหรูหรา พร้อมไปด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครัน โดยได้รับการันตีจาก TOP BEST BRAND 1 ใน 10 ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบริการดีเยี่ยมปี พ.ศ. 2563
โดยมีค่าบริการหลายราคา คือ หากต้องการพักเป็นรายวัน จะมีค่าบริการสำหรับห้องพักรวม 1,000 บาท/วัน/คน และสำหรับห้องพักคู่ 1,500 บาท/วัน/คน (ต้องพักอย่างน้อยขั้นต่ำ 7 วัน) รายเดือนคือ ห้องพักรวม 5 คน ราคา 16,000 บาท/เดือน/คน และห้องพักคู่ ราคา 25,000 บาท/เดือน/คน และห้องพักเดี่ยว ราคา 50,000 บาท/เดือน
โดยมีสิทธิประโยชน์ คือ
-
มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
-
นักกายภาพบำบัด อาหาร 3 มื้อ อาหารว่าง 1 มื้อ
-
รักษาความปลอดภัยด้วยระบบกล้องวงจรปิด
-
ดูแลความสะอาดเสื้อผ้า
บ้านพักคนชรา เถาจือ โฮม
สำหรับใครที่วางแผนเกษียณอายุอยากมีชีวิตบั้นปลายคล้าย ๆ กับบ้านพักตากอากาศ เถาจือ โฮม คือคำตอบ เพราะมีสนามหญ้าหน้าบ้านไว้ทำกิจกรรม ดอกไม้ ต้นไม้ พร้อมอากาศที่บริสุทธิ์ เพราะเต็มไปด้วยสีเขียว โดยบ้านพักคนชราที่นี่สามารถรองรับได้ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่ต้องการพักฟื้น
สำหรับคนที่จะมาอยู่บ้านพักคนชรา เถาจือ โฮม จะมีราคาคือ
-
ห้องพักรวม 4 - 6 คน ราคา 20,000 บาท/เดือน/คน
-
ห้องพักคู่ 23,000 บาท/เดือน/คน
-
ห้องพักเดี่ยว 25,000 บาท/เดือน
-
ห้องพักฟื้นรวม (3 และ 5 เตียง) เริ่มต้น 30,000 บาท/เดือน/คน
-
ห้องพักฟื้นพิเศษ 1 เตียง 35,000 บาท/เดือน
โดยมีสิทธิประโยชน์ คือ
-
บริการดูแลผู้สูงอายุที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ มีทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด และนักโภชนาการที่พร้อมดูแลผู้เข้าพักอย่างใกล้ชิด
-
จัดอาหารที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ โดยเน้นโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ
-
กิจกรรมนันทนาการ การออกกำลังกาย และกิจกรรมกายภาพบำบัด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย และจิตใจ เช่น ทำงานฝีมือ ร้องเพลง
-
ระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้เข้าพักและครอบครัวมั่นใจในความปลอดภัยตลอดเวลา
-
รายงานอาการ และสถานะสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และเปิดโอกาสให้ครอบครัวมาเยี่ยมเยียนได้ตามความเหมาะสม
วิธีคำนวณเงินเกษียณ สำหรับจ่ายค่าบ้านพักคนชราในฝัน
อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงอยากรู้แล้วว่าแล้วเงินเกษียณ สำหรับจะไปอยู่บ้านพักคนชราจะต้องเก็บเท่าไหร่? หรือเก็บยังไงดี? เพราะเป็นอีกก้อนที่สำคัญมากที่จะเกษียณอายุแบบคนโสดสตรองได้ จากโจทย์คือ นางสาว A วางแผนจะมีชีวิตอีก 25 ปีหลังเกษียณอายุ ดังนั้นจะนำราคาบ้านพักคนชรา 2 แห่ง มาคำนวณให้ดูแบบง่าย ๆ กัน คือ
-
บ้านบางแค 1,500 บาท/เดือน/คน
-
เถาจือ โฮม 25,000 บาท/เดือน/คน
คำนวณค่าบ้านพักคนชรา โดยคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อมีค่าเฉลี่ย 3% ต่อปี ซึ่งค่าบ้านพักคนชราในอนาคตจะคำนวณจากสูตร “ค่าบัานพักคนชราในอนาคต = ค่าบ้านพักคนชราปัจจุบัน×(1+อัตราเงินเฟ้อ)^จำนวนปีหลังเกษียณ เท่ากับว่า
-
บ้านบางแค : จาก 1,500 บาท จะเป็น 3,140 บาท/เดือน (37,680 บาท/ปี)
-
เถาจือ โฮม : จาก 25,000 บาท จะเป็น 52,340 บาท/เดือน (628,080 บาท/ปี)
คำนวณเงินออมที่ต้องเตรียมสำหรับการอยู่บ้านพักคนชรา
นางสาว A มีแผนจะอยู่บ้านพักคนชรา 25 ปีหลังเกษียณ ซึ่งเงินออมที่ต้องเตรียมสำหรับจะอยู่บ้านพักคนชราคำนวณได้ด้วยสูตร
“เงินออมที่ต้องมี = ค่าใช้จ่ายรายเดือนในอนาคต × จำนวนปีหลังเกษียณ” และสำหรับบ้านพักคนชราบางแค มีค่าแรกเข้าเพิ่มอีก 300,000 บาท จะคิดได้ว่า
-
บ้านบางแค : (37,688 x 25) + 300,000 = 1,242,000 บาท
-
เถาจือ โฮม : 628,133 x 25 = 15,703,000 บาท
5 วิธีเตรียมเงินเกษียณ ให้พร้อมอยู่บ้านพักคนชรา ฉบับคนโสดสตรอง
อยากเกษียณแบบคนโสดสตรอง ไปอยู่บ้านพักคนชราแบบเฉิดฉาย ก็ต้องวางแผนการเงินให้ดี สมมติว่า นางสาว A อายุ 30 ปี ตั้งเป้าจะไปอยู่บ้านพักคนชรา เถาจือโฮมที่ต้องเตรียมเงินประมาณ 15,703,335 บาท มาดูกันว่า การลงทุนทั้ง 5 วิธีนี้จะช่วยให้นางสาว A ทำตามเป้าหมายออมเงินเพื่ออยู่บ้านพักคนชราได้หรือไม่!
ออมเงินเกษียณด้วยบัญชีเงินฝาก
-
เหมาะกับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยของเงินต้น เน้นความเสี่ยงต่ำ
-
ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ สูงสุด 2%
Tip & Tricks ออมก่อนได้เปรียบ ด้วยดอกเบี้ยทบต้น
ตัวอย่าง ออม 5,000 บาท ทุก ๆ เดือน ตั้งแต่อายุ 30 ปี เมื่ออายุ 60 ปี มีเงินเก็บ 2.4 ล้านบาท
ออมเงินเกษียณอายุผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
-
เหมาะกับผู้ที่ต้องการสะสมเงินใช้หลังเกษียณ
-
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุด 7% ต่อปี
Tip & Tricks ออมเล็กน้อย แต่สร้างเงินก้อนโต พร้อมรับผลตอบแทน
ตัวอย่าง ผู้ประกันตนเงินเดือน 20,000 บาท นายจ้างหักสมทบ 5% ออมตั้งแต่อายุ 30 ปี พออายุ 60 มีจะมีเงินเก็บประมาณ 2.35 ล้านบาท โดยแบ่งเงินเป็นของผู้ประกันตน 1.18 ล้านบาท และเงินสมทบนายจ้าง 1.18 ล้านบาท
ออมเงินเกษียณอายุผ่านหุ้น
-
เหมาะกับผู้ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าฝากเงิน และรับความเสี่ยงสูงได้
-
ลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 8% (ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ความผันผวนของตลาด และแนวโน้มการเติบโตของหุ้นที่เลือกลงทุน)
Tip & Tricks ลงทุนเร็ว สร้างโอกาสถึงเป้าหมาย
ตัวอย่าง ลงทุน 10,000 บาท ทุกๆ เดือน ตั้งแต่อายุ 30 ปี เมื่ออายุ 60 ปี มูลค่าอาจเพิ่มขึ้นเป็น 14.18 ล้านบาท จากผลตอบแทนทบต้น
ออมเงินเกษียณอายุในรูปแบบประกันสะสมทรัพย์
-
เหมาะกับผู้ที่ต้องการออมเงิน แบบได้ผลตอบแทนแน่นอน และสามารถลดหย่อนภาษีได้
-
ซื้อประกันสะสมทรัพย์ PRUEasy Saver 10/4
Tip & Tricks ออมเงินเกษียณง่ายได้ชัวร์ แถมลดหย่อนภาษี
ตัวอย่าง ออมเงินในรูปแบบประกันสะสมทรัพย์ “PRUEasy Saver 10/4” เพศหญิง อายุ 30 ปี จ่ายเบี้ยฯ 4 ปี ปีละ 300,000 บาท คุ้มครอง 10 ปี ครบกำหนดสัญญา 10 ปี รับเงินคืน 1,212,000 บาท
ออมเงินเกษียณอายุในรูปแบบประกันบำนาญ
-
เหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคง มีเงินใช้หลังเกษียณ และสามารถลดหย่อนภาษีได้
-
ซื้อประกันบำนาญ พรูบำนาญสราญใจ
Tip & Tricks ออมเงินแบบมีวินัย ก็มีใช้ตอนเกษียณ
ตัวอย่าง ออมเงินในรูปแบบประกันบำนาญ “พรูบำนาญสราญใจ” เพศหญิง อายุ 30 ปี ค่าเบี้ยฯ ปีละ 67,830 บาท จำนวนเงินเอาประกันภัย 1 ล้านบาท ชำระเบี้ยฯ ถึงอายุ 60 ปี เมื่ออายุครบ 60 ปี ได้รับเงินบำนาญปีละ 150,000 บาท ตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่อายุครบ 60-85 ปี (รวมทั้งสิ้น 26 ครั้ง) รวมรับเงินคืนตลอดสัญญา 3,900,000 บาท
จะเห็นได้ว่า เมื่อรวมการลงทุนทั้ง 5 วิธีแล้ว เงินเก็บสำหรับการไปอยู่บ้านพักคนชราของนางสาว A จะอยู่ที่ประมาณ 24 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้าหมายของเงินที่ต้องเตรียมไว้นั่นเอง
มองหาตัวช่วย
เพื่อการเกษียณ คลิก!
หมายเหตุ
-
เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์
-
ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนการตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
-
เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำมาใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
-
เบี้ยประกันภัยคุ้มครองชีวิตแบบบำนาญสามารถนำมาใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี หรือสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี ในกรณีที่ไม่มีเบี้ยประกันภัยคุ้มครองชีวิตแบบอื่น ๆ (ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร)