ประกันสุขภาพ ไม่ต้องสำรองจ่าย*
ร่วมต่อสู้โรคภัยเคียงข้างคุณ
ร่วมต่อสู้โรคภัยเคียงข้างคุณ

ประกันสุขภาพรายปีเลือกอย่างไร ?
การเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและคุ้มค่า โดยประกันสุขภาพจากพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ โดยมีจุดเด่น ดังนี้
-
ไม่ต้องสำรองจ่าย เมื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเครือข่าย ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ทำให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องเสียเวลาเบิกจ่ายย้อนหลัง
-
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD)
-
ครอบคลุมค่ารักษาโรคร้ายแรง โดยดูแลตั้งแต่ระยะวินิจฉัย การผ่าตัด ไปจนถึงการรักษาต่อเนื่อง ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน
-
คุ้มครองอุบัติเหตุและภาวะทุพพลภาพถาวร ที่ทำให้ไม่สามารถทำงานได้
-
เลือกแผนความคุ้มครองที่เหมาะกับคุณได้ โดยมีแผนประกันสุขภาพที่เหมาะกับทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะต้องการความคุ้มครองพื้นฐาน หรือแผนที่ให้ความคุ้มครองระดับสูง
ประกันสุขภาพ ไม่ต้องสำรองจ่าย คุ้มครองคุณอย่างไร

ประกันสุขภาพ ผู้ป่วยใน ช่วยคุณต่อสู้กับโรคภัย
- ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายเมื่อต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
- ครอบคลุมค่าห้องพัก ค่าผ่าตัด ค่าแพทย์ และค่ารักษาอื่น ๆ ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
- ลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในขั้นตอนการรักษา

ให้พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาล
- สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที ไม่ต้องใช้เงินตัวเองไปสำรองจ่ายก่อน*
- เลือกรักษาในโรงพยาบาลคู่สัญญากว่า 600 แห่ง ทั่วประเทศไทย

คุ้มครองอุบัติเหตุและทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
- หมดความกังวลใจ จากภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้ทุกช่วงเวลา
- ได้รับเงินก้อนตามเงื่อนไขที่กำหนด ในกรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
ทำความเข้าใจ ! ประกันสุขภาพแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ?
การเลือกแผนประกันสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล โดยประกันสุขภาพแต่ละแบบมีลักษณะการให้ความคุ้มครองและข้อดีที่แตกต่างกัน โดยมีที่ได้รับความนิยม ดังนี้
1. ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน
ประกันสุขภาพผู้ป่วยในให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อรักษาการอาการที่รุนแรงหรือไม่สามารถรักษาภายนอกโรงพยาบาลได้ เช่น การผ่าตัดรักษาอุบัติเหตุใหญ่ หรือการรักษาโรคที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคไส้ติ่งอักเสบ โรคติดเชื้อรุนแรง โรคหัวใจล้มเหลว โรคไตวาย เป็นต้น ประกันสุขภาพประเภทนี้จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว ค่ายา ค่าห้อง ค่าบริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลที่ได้รับการอนุมัติภายใต้เงื่อนไขของกรมธรรม์
2. ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก
ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการตรวจรักษาในแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล โดยไม่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัว เช่น การรักษาจากอุบัติเหตุเล็กน้อย หรืออาการเจ็บป่วยทั่วไป เช่น ไข้หวัด น้ำมูกไหล
3. ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายเป็นประกันภัยที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากโรค หรืออุบัติเหตุ ซึ่งจะกำหนดวงเงินค่ารักษาต่อปี หรือวงเงินค่ารักษาต่อการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง โดยวงเงินจะครอบคลุมค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริง
4. ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง
ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง ให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยในกรณีที่เจ็บป่วยจากโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคไต หรือโรคเกี่ยวกับสมอง ซึ่งมีค่ารักษาสูงและต้องการการรักษาต่อเนื่อง โดยผู้เอาประกันภัยควรศึกษารายละเอียดความคุ้มครองให้ละเอียดก่อนเลือกซื้อ
5. ประกันสุขภาพชดเชยรายได้
ประกันสุขภาพชดเชยรายได้ เป็นประกันภัยที่ช่วยดูแลผู้เอาประกันภัยในกรณีที่ต้องหยุดงานเนื่องจากเจ็บป่วยและต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยจะจ่ายเงินชดเชยรายได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด
ประกันสุขภาพ ผู้ป่วยใน
เราเข้าใจดีว่าความเจ็บป่วย เกิดขึ้นได้กับทุกคน เพื่อดูแลครอบครัว คนรอบตัว หรือแม้แต่ตัวคุณเอง พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต มีแผนประกันสุขภาพที่ตรงใจ ด้วยความคุ้มครองสุขภาพที่หลากหลาย เราคิดมาเพื่อดูแลคุณและคนที่คุณรักอย่างดีที่สุด พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ในการรับบริการค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน เมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในเครือข่ายกว่า 600 แห่ง ทั่วประเทศไทย โดยไม่ต้องสำรองจ่ายตามสิทธิและเงื่อนไขที่กรมธรรม์กำหนด ครอบคลุม ค่ายา ค่าห้อง และค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองทั้งกรณีเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ เลือกประกันสุขภาพที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้เลย
แผนประกันสุขภาพ ไม่ต้องสำรองจ่าย จากพรูเด็นเชียล ประเทศไทย
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มีแผนประกันสุขภาพแบบรายปี
ที่ตอบโจทย์ความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลสำหรับทุกช่วงวัย โดยแผนประกันสุขภาพแนะนำ มีดังนี้
- แบบประกันอุบัติเหตุและทุพพลภาพ
- แบบประกันโรคร้ายแรง
- แบบประกันสุขภาพ
หมายเหตุ
*ไม่ต้องสำรองจ่าย เมื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลคู่สัญญา
**ไม่เกินผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
• ความคุ้มครองขึ้นอยู่กับแผนประกันภัยที่เลือก
• เงื่อนไขและเวลาเป็นไปตามกรมธรรม์กำหนด
• ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
ไม่พลาด! เรื่องน่ารู้
เรื่องสุขภาพ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ประกันสุขภาพ ราคาเท่าไรถึงจะเหมาะสม ?
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ สุขภาพ แผนความคุ้มครองที่เลือก และวงเงินคุ้มครองที่ต้องการ โดยแนะนำให้พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ก่อนเลือกแผนประกัน
-
วงเงินคุ้มครองที่เหมาะสมกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบัน
-
การคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD)
-
ค่าเบี้ยฯ ที่เหมาะสมกับรายรับและความสามารถในการชำระที่ต่อเนื่อง
แผนประกันสุขภาพมีกี่ประเภท ควรซื้อประกันสุขภาพแบบไหนดี ?
แผนประกันสุขภาพหลัก ๆ มีดังนี้
-
ประกันสุขภาพเดี่ยว คุ้มครองรายบุคคล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ปรับตามความต้องการเฉพาะตัว
-
ประกันสุขภาพกลุ่ม มักเป็นสวัสดิการจากบริษัท คุ้มครองพนักงานภายใต้กรมธรรม์เดียว
-
ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง เน้นคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดจากโรคร้ายแรงโดยเฉพาะ
-
ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD) คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่ายา ค่าไปพบแพทย์
-
ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน (IPD) คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ายา
การเลือกซื้อประกันสุขภาพควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น งบประมาณ ความต้องการความคุ้มครอง อายุ สุขภาพปัจจุบัน และหากมีประกันกลุ่มอยู่แล้ว อาจเลือกซื้อเพิ่มเติมจากความคุ้มครองที่คุณต้องการ
ทำประกันสุขภาพ ต้องตรวจสุขภาพหรือไม่ ?
โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ การพิจารณาว่าจะต้องตรวจสุขภาพหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ
-
แผนประกันภัยที่เลือกและวงเงินคุ้มครอง บางแผนประกันภัยที่มีวงเงินคุ้มครองสูง อาจกำหนดให้มีการตรวจสุขภาพ
-
ประวัติสุขภาพของผู้ขอเอาประกันภัย หากมีโรคประจำตัวหรือประวัติการรักษาที่สำคัญ บริษัทประกันภัยอาจขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือให้มีการตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความเสี่ยง
อย่างไรก็ดี หากไม่ต้องตรวจสุขภาพ ผู้สมัครมักจะต้องกรอกแบบสอบถามสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อให้ข้อมูลกับบริษัทประกันภัย
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพจะปรับตามอายุหรือไม่ ?
ใช่ โดยทั่วไปค่าเบี้ยประกันสุขภาพจะปรับตามอายุ เนื่องจากความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจะสูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งบริษัทประกันภัยจะมีการคำนวณเบี้ยประกันภัยที่สะท้อนถึงความเสี่ยงนี้
นอกจากอายุแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อค่าเบี้ยประกันภัย ได้แก่
-
เพศ
-
ประวัติสุขภาพ
-
ขั้นอาชีพ
-
แบบแผนความคุ้มครองที่เลือก
-
วงเงินคุ้มครอง
มีประกันสุขภาพกลุ่มของบริษัทอยู่แล้ว ควรซื้อประกันสุขภาพเพิ่มอีกหรือไม่ ?
การมีทั้งประกันกลุ่มและประกันสุขภาพส่วนตัวจะช่วยเสริมความคุ้มครองซึ่งกันและกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพครอบคลุมมากขึ้น
ทำประกันสุขภาพแผนไหนดี ?
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มีแผนประกันสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ของทุกคน โดยการเลือกแผนที่เหมาะสม ควรพิจารณาตามลักษณะการใช้ชีวิต เช่น
-
หากต้องการความคุ้มครองสูงสุด แนะนำแผนประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลครอบคลุมทุกกรณี
-
พิจารณาจากการชำระเบี้ยประกันภัย ซึ่งโดยปกติแล้วเบี้ยประกันภัยจะถูกคำนวณจากแผนประกันสุขภาพรายปีเป็นมาตรฐาน แต่หากต้องการความยืดหยุ่น ก็สามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพรายเดือน เพื่อกระจายค่าใช้จ่ายได้
หากมีการเบิกเคลมบ่อย แต่ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี จะมีผลต่อการต่ออายุกรมธรรม์หรือไม่ ?
บริษัทประกันภัยมีสิทธิ์ในการปรับเบี้ยประกันสุขภาพตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุของผู้เอาประกันภัย และอัตราการเคลมของกลุ่มผู้ถือกรมธรรม์โดยรวม
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเคลมประกันภัยเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อเบี้ยประกันภัยในอนาคต อย่าลืมตรวจสอบเรื่อง Co-Payment ซึ่งเป็นเกณฑ์การต่ออายุเกณฑ์ใหม่ของประกันสุขภาพ ปี 2568 ในกรมธรรม์ โดย Co-Payment คือส่วนแบ่งค่ารักษาพยาบาลที่ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเอง การทำความเข้าใจเงื่อนไข Co-Payment จะช่วยให้สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นเกณฑ์การต่ออายุเกณฑ์ใหม่ของประกันสุขภาพ ปี 2568
เบี้ยประกันสุขภาพ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ ?
ได้ เบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กรมสรรพากรกำหนด ดังนี้
-
เบี้ยประกันสุขภาพสำหรับตนเอง สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
-
เบี้ยประกันสุขภาพสำหรับบิดามารดา สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท (โดยบิดามารดาต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และบุตรต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย)
อย่างไรก็ตาม วงเงินลดหย่อนรวมของเบี้ยประกันชีวิตและเบี้ยประกันสุขภาพ (สำหรับตนเอง) จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท
