
มนุษย์เงินเดือน ควรวางแผนเกษียณอย่างไร มาดูกัน !
สำหรับมนุษย์เงินเดือนหรือคนรุ่นใหม่ที่ทำงานประจำ และมีรายได้ที่แน่นอนทุกเดือน อาจเกิดความชะล่าใจ จนไม่ได้วางแผนเก็บออมเงินเกษียณเอาไว้ล่วงหน้า และรู้ไหมว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่กว่าจะรู้ตัวว่าไม่มีเงินเก็บ เวลาก็ผ่านเลยไป จนทำให้ต้องมาเร่งเก็บเงินในภายหลัง ทำให้มีเงินไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตที่สุขสบายในช่วงที่ต้องเกษียณอายุ
ดังนั้น เราจึงมีเทคนิคง่าย ๆ เพื่อช่วยวางแผนอนาคตหลังเกษียณให้เป็นไปอย่างราบรื่น และมีความสุขในบั้นปลายแบบสบาย ๆ มาฝากกัน
8 วางแผนเกษียณ สไตล์มนุษย์เงินเดือน ที่คนรุ่นใหม่ควรรู้
เมื่อพูดถึงการวางแผนเกษียณ คนส่วนใหญ่คงคิดถึงเรื่องการออมเงินเป็นหลักเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ไม่ผิดนัก แต่จริง ๆ แล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่หลายคนมองข้ามไป ดังนั้นเพื่อให้การวางแผนชีวิตหลังเกษียณเป็นไปอย่างครอบคลุม วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้มนุษย์เงินเดือนสามารถเก็บเงินได้ง่ายยิ่งขึ้น
1. เลือกอายุเกษียณเองได้
อันดับแรกที่ต้องคิดไว้ก่อนเลย ก็คืออายุที่ตัวเราเองอยากจะเกษียณ เพราะจะได้รู้ระยะเวลาที่แน่นอนในการเตรียมเงินออมเผื่อไว้สำหรับการใช้จ่าย โดยในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2559 มีข่าวจากทางหน่วยงานของภาครัฐ นั่นคือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าได้เคยเสนอ ครม. ขออนุมัติให้แก้ พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ ปี 2494 โดยการขยายอายุเกษียณไปที่ 65 ปีขึ้นไป ตามอายุขัยเฉลี่ยของประชากรที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า อายุการทำงานของมนุษย์เงินเดือนหรือคนรุ่นใหม่ในอนาคตอาจนานขึ้นกว่าเดิม
2. วางแผนจำนวนเงินที่ต้องการเมื่อเกษียณแล้ว
แม้ว่าในตอนนี้ มนุษย์เงินเดือนหรือคนรุ่นใหม่หลายคน อาจจะยังประเมินไม่ได้ว่าค่าใช้จ่ายในอนาคตจะอยู่ที่ประมาณเท่าไร เนื่องด้วยไลฟ์สไตล์ที่อาจเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ รวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้เงินเฟ้อขึ้นเรื่อย ๆ แต่อย่างน้อย ก็ควรคิดจำนวนเงินที่ต้องการใช้ต่อเดือนไว้คร่าว ๆ พร้อมกับบวกอัตราเงินเฟ้อเข้าไปให้เสร็จสรรพ จะได้เริ่มทำการออมเงินเกษียณได้ทันที
3. ประเมินค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน เป็นเรื่องน่าฉงนของมนุษย์เงินเดือนหรือคนรุ่นใหม่หลายคน เพราะบางครั้งก็ไม่รู้ว่าเงินที่หามาหมดไปกับอะไร การจดรายจ่ายทุกอย่างให้ครบถ้วน จะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดขึ้นว่าในหนึ่งเดือน เราหมดเงินไปกับอะไรบ้าง และต้องมีเงินเตรียมสำหรับการใช้จ่ายต่าง ๆ อยู่ประมาณเท่าไร รวมไปถึงค่าใช้จ่ายฉุกเฉินจากการเจ็บป่วย ก็ควรบวกเผื่อไว้ด้วยเช่นกัน
- ตัวอย่างเช่น : เงินที่ต้องการใช้จ่ายต่อเดือน (40,000) x จำนวนเดือน (12) x อัตราเงินเฟ้อ 3% (1+0.03) X ค่าเฉลี่ยอายุขัยหลังเกษียณ (17 ปี) จะเท่ากับ 8,404,800 บาท คือจำนวนเงินที่ต้องเก็บเพื่อใช้หลังเกษียณ 17 ปี
4. เริ่มออมเงินให้เร็ว
การเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อย ในตอนที่ชีวิตไม่ได้มีภาระมากนัก จะช่วยให้การเก็บออมถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น เพราะระยะเวลานั้นถือเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งของดอกเบี้ยทบต้น ยิ่งนานวัน ยิ่งเห็นผลได้ไวขึ้น
5. ออมเงินให้สม่ำเสมอ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการวางแผนเกษียณสำหรับมนุษย์เงินเดือนหรือคนรุ่นใหม่ ก็คือนิสัยแห่งการออม เพราะวินัยคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้การเก็บออมเงินนั้นถึงเป้าหมาย เพราะในหลายครั้ง คนส่วนมากมักจะหมดเงินไปกับการซื้อ หรือผ่อนสิ่งของชิ้นใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็น จนทำให้ไม่มีเงินมาเก็บออม
6. จัดการหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ
การลดภาระหนี้ก็เป็นสิ่งจำเป็นและควรเริ่มต้นทำตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อช่วยให้มีคุณมีเงินเหลือสำหรับเก็บออมเพิ่มมากขึ้น โดยสิ่งที่ควรทำ คือ
-
รีบปิดหนี้ดอกเบี้ยสูง เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล หากมีเงินก้อนควรรีบนำไปโปะหนี้เหล่านี้ให้หมดโดยเร็วที่สุด เพราะดอกเบี้ยที่สูงจะกินเงินเก็บของคุณไปเป็นจำนวนมาก
-
หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็น ควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจก่อหนี้ก้อนใหม่ โดยเฉพาะหนี้เพื่อตอบสนองความต้องการที่ฟุ่มเฟือย
7. วางแผนด้านสุขภาพ
การมีสุขภาพที่แข็งแรง เปรียบเสมือนทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้ เพราะนอกจากจะทำให้คุณได้ทำในสิ่งที่ต้องการแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาพยาบาลหลังเกษียณอีกด้วย โดยสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพมีดังนี้
-
ดูแลสุขภาพเชิงรุก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค และป้องกันการเจ็บป่วย
-
ทำประกันสุขภาพ เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น ค่ารักษาพยาบาลมักเพิ่มสูงขึ้น การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายก้อนโตได้ โดยสามารถเลือกประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย หรือประกันโรคร้ายแรงเพิ่มเติม
8. ลงทุนเพื่อเพิ่มเงินเกษียณ
การออมเงินเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการวางแผนเกษียณ แต่การจะทำให้เงินงอกเงย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเกษียณอย่างที่ได้วางแผนไว้ การลงทุนก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเครื่องมือทางการเงินที่มนุษย์เงินเดือนสามารถนำไปปรับใช้ได้ดังนี้
-
กองทุนรวม (Mutual Funds) เป็นช่องทางการลงทุนสำหรับมือใหม่ เพราะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลการลงทุนให้ คุณสามารถเลือกประเภทกองทุนให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้
-
ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity Insurance) เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างกระแสเงินสดให้คุณหลังเกษียณโดยเฉพาะ โดยคุณจะจ่ายเบี้ยประกันภัยในขณะที่ยังทำงาน และเมื่อถึงวัยเกษียณก็จะได้รับเงินบำนาญคืนเป็นงวด ๆ ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ ช่วยสร้างความมั่นคงและลดความกังวลเรื่องรายได้หลังเกษียณได้ดี
-
การลงทุนในหุ้นรายตัว (Individual Stocks) เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งการลงทุนในหุ้นรายตัวอาจให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงกว่า จึงจำเป็นต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด
-
อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) เช่น ซื้อคอนโดให้เช่า หรือซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร สามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income หรือสร้างผลตอบแทนจากการขายได้ แต่ต้องพิจารณาภาระการผ่อนชำระ และสภาพคล่องอย่างรอบคอบ
สรุปการวางแผนเพื่อเกษียณอายุ สไตล์มนุษย์เงินเดือน ควรทำอย่างไร มาดูกัน!
การออมเงินเป็นหนึ่งในช่องทางการวางแผนเกษียณของมนุษย์เงินเดือนหรือคนรุ่นใหม่นั้น อย่าลืมว่า ถ้าในอนาคตเรามีหน้าที่การงานที่ขยับขยายมากขึ้น มีการทำธุรกิจ หรือนำเงินไปลงทุนต่อยอดที่ได้รับผลตอบแทนมากกว่าการเก็บออม การบรรลุเป้าหมายในการเกษียณตัวเองก็จะเร็วมากขึ้น และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
สำหรับใครที่สนใจวางแผนชีวิตหลังเกษียณ ด้วยประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถเลือกซื้อประกันบำนาญเพื่อวางแผนเกษียณ กับพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้เลย
หมายเหตุ
-
ความคุ้มครองขึ้นอยู่กับแผนประกันภัยที่เลือก
-
เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด
-
ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง