
อยู่ดี ๆ ก็มีเลือดออกจากช่องคลอด ความผิดปกติที่สาว ๆ ต้องใส่ใจ
เป็นผู้หญิงนั้นไม่ง่าย นอกจากประจำเดือนที่ต้องเผชิญกันทุกเดือนแล้ว การที่ช่องคลอดเลือดออกแบบไม่ปกติ...ก็อาจเกิดขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่ทำให้สาว ๆ รู้สึกตกใจและวิตกกังวล เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพภายในที่สำคัญ ดังนั้น การรับรู้และใส่ใจในสัญญาณเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
ลักษณะของประจำเดือนตามปกติของร่างกาย
ประจำเดือน คือการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกที่เกิดขึ้นตามวงจรของฮอร์โมนในร่างกายผู้หญิง โดยจะมีการสูญเสียเลือดและเนื้อเยื่อที่ไม่ใช้ในระหว่างเดือน โดยประจำเดือนจะเกิดขึ้นเป็นประจำในทุก ๆ เดือนของผู้หญิงที่มีการเจริญพันธุ์ ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยหมดประจำเดือน โดยปกติจะมีลักษณะดังนี้
-
ระยะเวลา: ประจำเดือนจะเริ่มต้นและสิ้นสุดภายใน 3-7 วัน โดยรอบประจำเดือนปกติจะอยู่ในช่วง 21-35 วัน บางคนอาจมีระยะเวลาน้อยหรือมากกว่านั้นเพียงเล็กน้อย หากระยะเวลาผิดปกติเกินไปก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังมีปัญหา
-
ปริมาณเลือด: โดยเฉลี่ยแล้วจะมีการสูญเสียเลือดประมาณ 30-40 มิลลิลิตรต่อรอบเดือน ซึ่งถ้ามีปริมาณเลือดมากเกินไป อาจเป็นสัญญาณของภาวะประจำเดือนมามาก (Menorrhagia)
-
ลักษณะเลือด: สีของเลือดประจำเดือนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละช่วง โดยในช่วงแรกๆ อาจเป็นสีแดงสด และค่อย ๆ เข้มขึ้นเมื่อใกล้หมด
-
อาการทางร่ายกาย: อาการปวดท้องน้อย (Dysmenorrhea) เป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงมีประจำเดือน โดยความรุนแรงของอาการปวดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
อาการเลือดออกทางช่องคลอดแบบไหน เรียกผิดปกติ ?
นอกจากประจำเดือนจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดเลือดออกแล้ว อาการดังกล่าวยังสามารถเกิดจากความผิดปกติทางด้านร่างกายแบบอื่น ๆ ได้อีกมากมาย โดยอาการที่เข้าข่ายความผิดปกติที่ควรเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพ จะมีดังนี้
1. เลือดออกในกลุ่มที่ยังไม่ควรมีประจำเดือน
กลุ่มที่ยังไม่ควรมีประจำเดือน ในช่วงอายุของเด็กผู้หญิงต่ำกว่า 9 ปี หากมีอาการผิดปกติที่อยู่ดี ๆ ก็มีเลือดออกจากช่องคลอด นั่นถือเป็นสัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง เพราะวัยนี้ยังไม่เข้าสู่กระบวนการเจริญพันธุ์ตามธรรมชาติ การมีเลือดออกในช่วงวัยนี้อาจเกิดจากปัญหาฮอร์โมนหรือความผิดปกติในระบบสืบพันธุ์ที่ต้องได้รับการตรวจสอบจากแพทย์
2. เลือดออกในกลุ่มวัยเจริญพันธุ์
ผู้หญิงในช่วงวัยเจริญพันธุ์ที่ประสบกับเลือดออกมากผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมาเยอะจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือมากกว่า 4 แผ่นชุ่มต่อวัน หรือประจำเดือนที่มานานเกิน 7 วัน ถือเป็นสัญญาณของภาวะช่องคลอดเลือดออกแบบผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาฮอร์โมน มดลูก หรือการมีเนื้องอกในระบบสืบพันธุ์ หากมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อการตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
3. เลือดออกในกลุ่มวัยหมดประจำเดือน
สำหรับกลุ่มวัยหมดประจำเดือนจะเฉลี่ยอยู่ที่อายุ 55 ปีขึ้นไป หรือเข้าสู่ภาวะวัยทอง ทำให้อาจมีอาการปวดท้องแล้วมีเลือดออกทางช่องคลอด หรืออยู่ ๆ ก็มีเลือดไหลออกมาทั้งที่ควรจะหยุดไปแล้วตามช่วงวัย นั่นอาจเป็นสัญญาณเสี่ยงที่หมายถึงปัญหาฮอร์โมน หรือภาวะมะเร็งมดลูก ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและวางแผนรักษาที่ต้นเหตุต่อไป
อาการเลือดออกผิดปกติ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง ?
อาการเลือดออกทางช่องคลอดแบบผิดปกติ สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นเพียงภาวะชั่วคราว แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง ดังนี้
-
การติดเชื้อบริเวณปากมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูก: การติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ เช่น ปากมดลูกอักเสบ หรือเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ อาจทำให้เกิดการอักเสบและมีเลือดออกผิดปกติร่วมกับอาการตกขาวผิดปกติหรือเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
-
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด: อย่างเช่น หนองในแท้ หนองในเทียม หรือเริมที่อวัยวะเพศ อาจทำให้เกิดแผลหรืออาการอักเสบในระบบสืบพันธุ์ ส่งผลให้มีเลือดออกผิดปกติ
-
ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์: การตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic pregnancy) หรือการแท้งบุตร อาจทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดอย่างผิดปกติ ซึ่งมักมาพร้อมอาการปวดท้องรุนแรง
-
ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome : PCOS) : ฮอร์โมนที่ไม่สมดุลจากภาวะ PCOS อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ บางครั้งมีเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือประจำเดือนขาดไปหลายเดือน แล้วกลับมาออกมากผิดปกติ
-
เนื้องอกในมดลูก (Myoma/Fibroid) : เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงในมดลูกสามารถทำให้เกิดเลือดออกผิดปกติ ประจำเดือนมามากขึ้น หรือมีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยร่วมด้วย
-
โรคมะเร็งในสตรี: เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก และมะเร็งรังไข่ มักทำให้มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด โดยเฉพาะในช่วงวัยหมดประจำเดือน หรือมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
-
ปัญหาสุขภาพทางกายอื่น ๆ : โรคเรื้อรัง เช่น โรคตับ โรคไต หรือภาวะพร่องไทรอยด์ อาจส่งผลต่อระบบฮอร์โมนและการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดภาวะช่องคลอดเลือดออกผิดปกติ
เมื่อช่องคลอดเลือดออกผิดปกติ ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?
หากพบว่าตัวเองมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดที่เข้าข่ายว่าผิดปกติ ควรจดบันทึกวัน-เวลาที่มีอาการ และสังเกตความผิดปกติอื่น ๆ ที่มีร่วมด้วย รวมทั้งไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช ร่วมกับตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุ
-
ตรวจภายใน ค้นหาความผิดปกติบริเวณช่องคลอด ปากมดลูก
-
ตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด ประเมินความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก ดูความผิดปกติบริเวณตัวมดลูก รังไข่ ว่ามีก้อนเนื้อหรือไม่
-
ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยการเก็บเซลล์ตัวอย่างจากปากมดลูก
-
ตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อค้นหาภาวะการตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือการแท้งบุตร
-
ตรวจเลือด เพื่อดูการทำงานของต่อมไทรอยด์ ตับ ไต หรือวัดระดับฮอร์โมน
เพราะทุกวันนี้ผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงในการใช้ชีวิต การทานอาหาร ความเครียดจากการทำงาน และการออกกำลังกายที่น้อยเกินไป ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงซึ่งอาจเกิดความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ ซึ่งสามารถพบได้บ่อยในผู้หญิง
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เข้าใจถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพผู้หญิง และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยคุณวางแผนความคุ้มครองโรคมะเร็งที่พบบ่อยในสตรี ด้วย PRULady Cancer ประกันคุ้มครองโรคมะเร็งสำหรับผู้หญิง ที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าในทุกย่างก้าวของชีวิต คุณจะได้รับการคุ้มครองที่ครอบคลุมและรองรับทุกสถานการณ์ ช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และมั่นใจ
เริ่มวางแผนการคุ้มครองวันนี้ เพื่อความมั่นคงในวันพรุ่งนี้ เลือก PRULady Cancer ประกัน คุ้มครองโรคมะเร็ง สำหรับผู้หญิงที่จะช่วยดูแลคุณในทุก ๆ วัน และสร้างความมั่นใจในชีวิตที่ไร้กังวลจากโรคมะเร็ง !
*ความคุ้มครองขึ้นกับแผนประกันที่เลือก
*เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด
*ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนการตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง