
ไขคำตอบ ! ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กับ B อะไรแรงกว่ากัน ?
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หรือช่วงที่อากาศหนาว ซึ่งสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสหลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่พบมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B แต่สายพันธุ์ไหนแรงกว่ากัน ? คำถามนี้ถือเป็นคำถามที่สำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการปรับตัวตลอดเวลา การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับโรคนี้ได้ดีขึ้น ทั้งในแง่ของการป้องกัน การรักษา รวมไปถึงการดูแลตัวเองเมื่อเกิดการติดเชื้อ
Table of contents:
- ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กับ B สายพันธุ์ไหนแรงกว่ากัน ?
- วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่
ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B
แม้ว่าอาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ความแตกต่างที่สำคัญอยู่ที่ลักษณะทางพันธุกรรมและการแพร่ระบาด ซึ่งส่งผลต่อความรุนแรงของโรค
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ถือเป็นสายพันธุ์ที่พบมาก โดยสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและสามารถเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมได้บ่อยครั้ง ทำให้เกิดเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เป็นสายพันธุ์ที่มักทำให้เกิดการระบาดทั่วโลก จนบางครั้งอาจนำไปสู่การระบาดใหญ่ หรือกลายเป็นโรคระบาด (Pandemic) อีกทั้งยังสามารถแพร่จากสัตว์สู่คนได้อีกด้วย
- อาการที่พบได้บ่อย : มักเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน ได้แก่ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ไอแห้ง อ่อนเพลียอย่างรุนแรง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือปวดกระดูกอย่างหนัก อีกทั้งยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติม เช่น อาการปอดบวม
- การติดเชื้อ : สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ง่าย และเป็นอันตรายโดยเฉพาะกับเด็กและผู้สูงอายุ
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
ในทางกลับกัน ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B จะไม่เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมมากนัก ทำให้การแพร่ระบาดไม่รุนแรงเหมือนกับสายพันธุ์ A แต่ก็ยังสามารถทำให้เกิดการระบาดในบางปีได้ โดยมักพบได้บ่อยในฤดูหนาวและเกิดระบาดในพื้นที่จำกัด
- อาการที่พบได้บ่อย : อาการคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A แต่โดยทั่วไปจะมีอาการรุนแรงน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคประจำตัวก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักได้เช่นกัน
- การติดเชื้อ : สามารถแพร่ระบาดจากการสัมผัสใกล้ชิดกัน เช่น คนในครอบครัว หรือในโรงเรียน
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนแรงกว่ากัน ?
การเปรียบเทียบระหว่างสายพันธุ์ A และ B ว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนรุนแรงที่สุด ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงระดับความรุนแรงของอาการและผลกระทบที่เกิดจากการติดเชื้อ
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A จะมีความรุนแรงมากกว่า เนื่องจากไวรัสชนิดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมได้เร็ว ทำให้ไวรัสสามารถพัฒนาความรุนแรงในแต่ละปีได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มในการเกิดการระบาดใหญ่ เช่น ในกรณีของไข้หวัดนก (H5N1) หรือไข้หวัดหมู (H1N1)
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B โดยทั่วไปมักจะมีอาการน้อยกว่าสายพันธุ์ A แต่ไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากการติดเชื้อสามารถทำให้เกิดอาการรุนแรงกับคนบางกลุ่ม เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ถึงแม้ว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B จะมีความรุนแรงน้อยกว่า แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะสามารถทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงในบางราย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น ไม่ว่าจะติดเชื้อสายพันธุ์ใด การรักษาและการดูแลตัวเองที่ถูกวิธีจึงเป็นสิ่งจำเป็น
วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่
การป้องกันไข้หวัดใหญ่สามารถทำได้หลายวิธี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรค
1. ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยวัคซีนจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งวัคซีนในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นให้ครอบคลุมเชื้อไวรัสทั้งสายพันธุ์ A และ B และเนื่องจากเชื้อมีการกลายพันธุ์อยู่เสมอ จึงควรฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปีตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อการป้องกันที่ต่อเนื่อง
2. รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล
สุขอนามัยที่ดีเปรียบเสมือนด่านหน้าที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรค จึงควรดูแลตนเองและปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- ล้างมือเป็นประจำ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะหลังสัมผัสสิ่งของสาธารณะ หรือก่อนทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ที่แสดงอาการไข้ ไอ หรือจาม เพื่อลดโอกาสในการรับเชื้อ
- ปิดปากและจมูก ด้วยกระดาษทิชชู หรือใช้ข้อศอกด้านในเมื่อไอหรือจาม จากนั้นทิ้งกระดาษทิชชูลงถังขยะทันที แล้วล้างมือให้สะอาด
3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดของร่างกาย โดยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผักและผลไม้ที่มีวิตามินสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะเขือเทศ บรอกโคลี ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับอย่างเต็มที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองและสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันที่จำเป็นในการต่อสู้กับเชื้อโรค
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้นและกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- ดื่มน้ำสะอาด ในปริมาณที่เพียงพอต่อวันเพื่อช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่จะสามารถป้องกันและรักษาได้ แต่การเจ็บป่วยแต่ละครั้งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักหมื่นบาทเมื่อเข้ารักษาในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลเอกชน เพราะต้องจ่ายทั้งค่าห้องและค่ารักษาพยาบาล การหมั่นตรวจเช็กอาการไข้หวัดใหญ่อยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น หรือหากต้องการเพิ่มความอุ่นใจ แนะนำแผนประกันชีวิตและสุขภาพจากพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ที่มีตัวเลือกในการดูแลค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้อย่างครอบคลุม
หมายเหตุ
- ความคุ้มครองขึ้นอยู่กับแผนประกันภัยที่เลือก
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด
- ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
ข้อมูลอ้างอิง
- รู้ทันไข้หวัดใหญ่! แยกอาการสายพันธุ์ A และ B พร้อมวิธีรักษาและป้องกัน. โรงพยาบาลศรีสุโข. https://srisukho.co.th/knowledge-bank/influenza-a-b-symptoms-difference/
- Influenza A vs. B: What to know. (2025). Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/327397
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วยังสามารถติดเชื้อได้ไหม ?
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการได้อย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ป้องกัน 100% เนื่องจากเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม หากได้รับวัคซีนแล้ว การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นมักจะมีอาการน้อยกว่าและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายน้อยลง
ไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อผ่านทางไหนได้บ้าง ?
โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถติดต่อผ่านทางละอองฝอยจากการไอหรือจามของผู้ป่วย หรือการสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสแล้วนำมาสัมผัสบริเวณตา จมูก หรือปาก ดังนั้นการล้างมือเป็นประจำและหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีผู้คนหนาแน่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ
อาการไข้หวัดใหญ่ แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร ?
อาการไข้หวัดใหญ่มักจะรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดามาก โดยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง อ่อนเพลีย ในขณะที่ไข้หวัดธรรมดามักมีอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล หรือไอเล็กน้อยเท่านั้น