เลือกภาษา
close
Bedtime Stories มหัศจรรย์นิทานก่อนนอน

Bedtime Stories มหัศจรรย์นิทานก่อนนอน

นิทานก่อนนอน กุญแจสำคัญที่ไขประตูสู่โลกแห่งจินตนาการและส่งเสริมพัฒนาการในหลาย ๆ ด้านของลูกน้อย กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ให้ลูกน้อยได้ผ่อนคลายก่อนนอนแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการสร้างความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว พร้อมทั้งช่วยพัฒนาด้านภาษา ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และสุขภาพจิตใจของลูกอีกด้วย มาเปลี่ยนชั่วโมงก่อนนอนของลูกเป็น Golden Moment ช่วงเวลาทองที่พ่อแม่ไม่ควรละเลย

 

 

Golden Moment พ่อแม่มีเวลาน้อย ต้องทำช่วงเวลาทองของลูกให้มีค่า

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้านและมีเวลาจำกัด การได้ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ กับลูกก่อนเข้านอนให้เกิดประโยชน์สูงสุดถือเป็นโมเม้นต์สำคัญของวัน การใช้ช่วงเวลานี้อ่านนิทานให้ลูกฟัง คือหนึ่งในการสร้าง Golden Moment ที่ดีที่สุด เพียงวันละ 30 นาที ช่วงระหว่าง 2 - 3 ทุ่ม นอกจากเป็นโมเม้นต์พ่อแม่และลูกได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกันอย่างใกล้ชิด สร้างความผูกพันที่แข็งแกร่งและเสริมสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว ลูกจะรู้สึกถึงความปลอดภัยและมั่นใจ เมื่อมีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง ที่สำคัญการอ่านนิทานก่อนนอนเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับลูกน้อย เด็กที่ได้ฟังนิทานอย่างสม่ำเสมอจะเริ่มมีความสนใจในการอ่านหนังสือ และอยากเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการอ่านในอนาคต มีการศึกษาพบว่า 98% ของศัพท์ที่เด็กใช้คือคำที่พ่อแม่พูดกับลูก ดังนั้นยิ่งเด็กได้ฟังนิทานมากเท่าไหร่ ยิ่งมีคลังคำศัพท์ในสมองเพื่อใช้สื่อสารมากเท่านั้น เริ่มใช้เวลา Golden Moment กับลูกยังไง ไปดูกัน!

สร้างกิจวัตรการเล่านิทาน: เล่านิทานก่อนนอนทุกคืนเป็นกิจวัตร แม้ว่าจะมีเวลาจำกัด แต่การอ่านนิทานเพียง 15-30 นาที ก็สามารถสร้างความสุข สร้างสัมพันธ์ที่ดี ประสบการณ์ที่มีค่าได้

เลือกนิทานที่เหมาะสม: เลือกนิทานที่มีเนื้อหาที่น่าสนใจและเหมาะสมกับวัยของลูก การเลือกนิทานที่มีภาพประกอบสวยงามและเรื่องราวที่มีความหมายจะช่วยให้ลูกมีความสนใจและเพลิดเพลินกับการฟังนิทานมากขึ้น

ตั้งคำถามและสนทนาเกี่ยวกับเนื้อหา: หลังจากอ่านนิทานจบแล้ว ลองถามคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาของนิทาน เช่น "ลูกชอบตัวละครตัวไหนที่สุด?" หรือ "ถ้าลูกเป็นตัวละครในนิทานนี้ ลูกจะทำอย่างไร?" การสนทนาเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างการคิดวิเคราะห์และความเข้าใจของลูก

ใช้โอกาสนี้พูดคุยถามไถ่ เรื่องราวของลูก: หลังจากอ่านนิทานจบ พ่อแม่ควรแบ่งเวลาที่จะพูดคุยกับลูก เลือกตั้งคำถามแบบเปิด เพื่อให้โอกาสลูกได้เล่ามากกว่าที่ลูกจะตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ เช่น “วันนี้ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง”  “วันนี้ที่โรงเรียนลูกเล่นกับใคร” “มีเพื่อนคนไหนที่ลูกสนิทมากที่สุด” “ลูกคิดว่ากิจกรรมครอบครัวอะไรที่ลูกชอบที่สุด” หรือ “ลูกอยากทำอะไรร่วมพ่อกับแม่ในวันหยุดนี้” และพ่อแม่ต้องตั้งใจฟัง ไม่ขัดจังหวะ ให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่สนใจในสิ่งที่เขาพูด ทั้งยังไม่ตัดสินหรือวิจารณ์สิ่งที่ลูกพูด เพื่อให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น กล้าเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งนี้ลูกจะไว้ใจ เชื่อใจ และยังรู้สึกว่าเขามีพื้นที่ปลอดภัยอีกด้วย

 

หนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่เป็นมากกว่านิทาน

ทางลัดของพ่อแม่ที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่นกล่าวว่า ทักษะการพัฒนาสมองส่วนหน้าหรือ EF (Executive Function) เป็นกระบวนการที่ใช้กำกับความคิด ความรู้สึก และการกระทำ ทั้งยังเป็นทักษะที่สำคัญต่อความสำเร็จในการเรียน การงาน การอยู่ร่วมกับเพื่อน การคิดสร้างสรค์ และการจัดการทุกด้านตลอดชีวิต เรียกได้ว่า EF เป็นการพัฒนาทักษะสมองส่วนหน้าที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาความฉลาดทางเชาว์ปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตนเองตั้งไว้ นายแพทย์ประเสริฐ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า EF จะต่อยอดได้ต้องเกิดจากการใช้การอ่านเป็นสื่อกลางในการพัฒนา เช่น การถามตอบจากพ่อแม่และลูก การชื่นชมเมื่อลูกตอบถูก ให้ลูกมีส่วนร่วมในการอ่าน การลำดับเรื่องราว เนื้อหาที่ชวนคิด ชวนตั้งคำถาม การอ่านหนังสือที่เป็นกระดาษจะทำให้สมองรับสัญญาณจากนิ้วมือที่ข้างซ้ายคอยทำหน้าที่จับรวบเล่มหนังสือ ส่วนนิ้วมือขวาจะคอยทำหน้าที่แตะกระดาษเพื่อรอเปลี่ยนหน้าถัดไป การอ่านหนังสือที่เป็นเล่ม จะทำให้นิ้วมือผู้อ่านได้สัมผัสกระดาษตลอด สมองก็จะจับสัญญาณและจดจำได้ว่าเนื้อหาที่อ่านมาแล้วอยู่ช่วงใด บทใด หน้าใด เป็นต้น

 

 

เลือกนิทานยังไงให้เหมาะกับวัยลูก

วัย 0-2 ปี: เพื่อฝึกทั้งสายตาและการถือจับ พ่อแม่ควรเลือกหนังสือผ้า หรือหนังสือลอยน้ำ นิทานภาพสีสดใส ตัวละครสัตว์หรือสิ่งของที่อธิบายง่ายๆ

วัย 3-5 ปี: เพื่อให้เด็กวัยนี้มีวินัยในการช่วยเหลือตนเอง กับกิจวัตรประจำวัน พ่อแม่ลองเลือกหนังสือที่มีตัวละครเด็กวัยเดียวกับพวกเขา เนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งของรอบตัว การใช้ชีวิตในแต่ละวัน การทำถูกผิด และการว่ากล่าวตักเตือน

วัย 6-8 ปี: เด็กในวัยประถมมักจะเริ่มให้ความสนใจและชอบการผจญภัย พ่อแม่ลองเลือกหนังสือที่สอดแทรกความรู้ไปกับการผจญภัยใต้ทะเล อวกาศ สอดแทรกความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และเป็นหนังสือชุดต่อเนื่องมีเนื้อหาที่น่าติดตาม ช่วยให้ลูกอยากอ่านต่อเนื่องสร้างนิสัยรักการอ่านได้ดี

วัย 9-11 ปี: เด็กในวัยประถมปลายเริ่มมีสิ่งที่ตนเองสนใจ บอกได้ว่าชอบวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือศิลปะ ให้ลูกเป็นคนเลือกอ่านในสิ่งที่เขาสนใจด้วยตัวเอง ได้ค้นหาพรสววรค์ของตัวเองตั้งแต่วันนี้

พ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการทำให้นิทานก่อนนอนเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำ การนั่งฟังนิทานในอ้อมกอดของพ่อแม่ สร้างความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย หล่อหลอมพัฒนาการลูกน้อยให้เติบโตอย่างสมดุล นิทานก่อนนอนไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิงแก่ลูก แต่ยังเป็นการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการพัฒนาทักษะต่างๆ ของลูก ทำให้พวกเขาเติบโตสมวัยและมีความสุข

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. เสริมพัฒนาการให้แก่เด็กด้วยการเล่านิทาน