
คุยกับ AI ยังไงให้ปลอดภัย 5 ข้อมูลห้ามบอก รู้ไว้ไม่เสี่ยง!
เชื่อหรือไม่ว่าในช่วงเวลาเพียงหนึ่งปีที่ผ่านมา การใช้งาน AI โดยเฉพาะ "AI Chat" ได้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวสำหรับคนไทย จากเดิมที่อาจมองว่าเป็นเทคโนโลยีของต่างประเทศหรืออยู่เฉพาะในแวดวงไอที วันนี้ AI กลายเป็นผู้ช่วย หรือแม้กระทั่งเพื่อนคุยของใครหลายคน ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มผู้ใช้ทั่วไปในประเทศไทย หลายคนลองคุยกับ AI ด้วยความสงสัยหรือความสนุก เช่น ลองถามคำถามแปลก ๆ หรือทดสอบว่ามัน "ฉลาดแค่ไหน" แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ใช้งานเริ่มพบว่า AI มีประโยชน์ในชีวิตจริง
จากเดิมที่กลุ่มผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานด้านเทคโนโลยี แต่ตอนนี้ขยายวงกว้างไปสู่กลุ่มผู้สูงวัย แม่ค้าออนไลน์ ฟรีแลนซ์ ไปจนถึงคนในสายงานสร้างสรรค์อย่างนักเขียน ศิลปิน และนักออกแบบ ซึ่งต่างพบว่า AI ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้จริง และในปัจจุบันการเข้าถึงการใช้งานง่ายและสะดวก ทั้งยังมีผู้ให้บริการด้าน AI หลากหลายขึ้น เช่น ChatGPT, Gemini, Claude
คนไทยคุยเรื่องอะไรกับ AI Chat บ้าง?
จากการสำรวจของ BBDO Bangkok ในป๊ 2024 เกี่ยวกับผู้บริโภคไทยและพฤติกรรมการใช้ AI พบว่าปัจจุบัน คนไทย 73.84% ได้ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ช่วยประหยัดเวลา และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น ผลสำรวจยังบอกอีกว่า แต่ละ Generation ใช้ AI ในเรื่องที่แตกต่างกันไป
-
Gen X 35.2% ใช้ AI กับเรื่องความปลอดภัย เช่น เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า หรือการตรวจจับอุบัติเหตุในบ้าน, 28% ใช้ AI กับการทำงาน เช่น สรุปการประชุม วิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น วางแผนกลยุทธ์การตลาด, 27% ใช้ AI เพื่อสุขภาพและการแพทย์ เช่น ตรวจสอบอาการเบื้องต้น ขอคำแนะนำเกี่ยวกับยา โภชนาการ การดูแลสุขภาพ
-
Gen Y 35% ใช้ AI กับการทำงาน เช่น สรุปรายงาน ช่วยคิดไอเดีย หรือทำพรีเซนต์, 28.1% ใช้ AI ในชีวิตประจำวัน เช่น วางแผนการเดินทาง, 25% ใช้ AI ในเรื่องความสะดวกในการอยู่อาศัย เช่น ควบคุมกล้องวงจรปิด ควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ
-
Gen Z 37.5% ใช้ AI กับการทำงาน เช่น ทำรายงาน แปลภาษา ฝึกภาษา, 26.56 % ใช้ AI กับเรื่องความปลอดภัย เช่น คัดกรองข้อความหลอกลวง วิธีการตั้งค่าความปลอดภัยบนอุปกรณ์หรือโซเชียลมีเดีย, 20.31% ใช้ AI ในชีวิตประจำวัน เช่น วางแผนการเงิน แนะนำการแต่งตัว เทรนด์แฟชั่น เครื่องสำอาง
AI Machine Learning ทำงานอย่างไร?
และมีความเสี่ยงมากแค่ไหนหากป้อนข้อมูลส่วนตัว
เบื้องหลังความฉลาดของ AI Machine Learning ผู้ช่วยส่วนตัว ที่ถาม-ตอบได้รวดเร็ว คุยได้ตลอด 24 ชั่วโมง คือระบบ Machine Learning ที่สามารถ “คิด” และ “ตัดสินใจ” ได้คล้ายมนุษย์ โดยมีหลักการทำงานสำคัญ 3 ส่วน
-
การรับข้อมูล AI เรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง หรือวิดีโอ ซึ่งอาจมาจากอินเทอร์เน็ต ฐานข้อมูล จากการป้อนโดยมนุษย์ หรือข้อมูลของแต่ละบริษัท
-
การประมวลผล AI ใช้อัลกอริทึม (Algorithm) และเทคนิค เทคโนโลยีต่างๆ เช่น Machine Learning และ Deep Learning เพื่อวิเคราะห์และเรียนรู้จากข้อมูล เพื่อให้สามารถจำแนก แปลความ หรือคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ได้
-
การตอบสนอง หลังประมวลผล AI จะให้ผลลัพธ์ เช่น ตอบคำถาม ให้คำปรึกษา แนะนำ แปลภาษา หรือควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยอิงจากสิ่งที่เรียนรู้และฐานข้อมูลที่มี
และสิ่งที่ผู้ใช้ไม่ควรมองข้ามคือ ข้อมูลส่วนตัวที่ให้ไปกับ AI อาจกลายเป็นความเสี่ยง ควรตระหนักไว้เสมอว่า เมื่อป้อนข้อมูลบางอย่างให้ AI เท่ากับว่าเราสูญเสียการควบคุมข้อมูลนั้นไปแล้ว หลายระบบ AI จดจำบทสนทนา เพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงบริการ ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกนำไปประมวลผล เก็บไว้ หรือแม้แต่รั่วไหลสู่บุคคลที่สามโดยไม่เจตนา หากแฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าระบบ AI ที่เราใช้งานได้ ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้จำนวนมากอาจตกอยู่ในมือของผู้ไม่ประสงค์ดี ซึ่งนำไปสู่การแอบอ้างตัวตน เพื่อการหลอกลวงทางการเงิน หรือแม้กระทั่งการแบล็กเมล์
5 ประเภทข้อมูล ห้ามบอก AI รู้ไว้ไม่เสี่ยงข้อมูลหลุด
-
ข้อมูลส่วนบุคคล หรือ ข้อมูลที่สามารถระบุถึงตัวตนได้ เช่น หมายเลขบัตรประชาชน, บัญชีธนาคาร, หมายเลขบัตรเครดิต, ข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลทางการแพทย์ รหัสผ่าน หรือข้อมูลที่ใช้เพื่อเข้าถึงบริการต่าง ๆ ภาพถ่ายส่วนตัว ภาพถ่ายบัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ทำงานที่ละเอียดเกินไป เสี่ยงต่อการถูกสวมรอยโดยเหล่ามิจฉาชีพได้
-
ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลบัญชีธนาคาร หรือธุรกรรมการเงิน ข้อมูลการลงทุน หรือสินทรัพย์ ข้อมูลความลับทางธุรกิจ เช่น แผนกลยุทธ์ขององค์กร, ข้อมูลลูกค้า, ข้อมูลการเงินขององค์กร มีความเสี่ยงหากเกิดข้อมูลรั่วไหล (Data Leakage) และข้อมูลถูกนำไปใช้โดยผู้ไม่หวังดี
-
ข้อมูลทางการแพทย์ เช่นผลตรวจสุขภาพ ผลบันทักการจ่ายยา หรือโรคร้ายแรงต่าง ๆ มีความเสี่ยงหากข้อมูลเหล่านี้รั่วไหลหรือถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด อาจกระทบต่อชื่อเสียง โอกาสทางอาชีพ
-
ข้อมูลองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเอกสารภายใน กลยุทธ์ทางธุรกิจ แผนการเงิน ข้อมูลลูกค้า ซัพพลายเออร์ หรือโค้ดระบบที่ใช้ในการดำเนินงาน ล้วนเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง และหากนำไปคุยกับ AI Chat โดยไม่ระวัง อาจก่อให้เกิด ความเสี่ยง เช่น การเสียเปรียบทางการแข่งขันหรือถูกโจมตีทางไซเบอร์
-
ข้อมูลเข้าสู่ระบบ เช่น Username Password รหัสเข้าเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ อาจเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ และขโมยตัวตนทางออนไลน์ หรือถูกสวมรอยโดยเหล่ามิจฉาชีพ
ใช้ AI Chat ยังไงถึงจะปลอดภัยและเป็นประโยชน์
คือการใช้อย่างรู้เท่าทัน การทำความเข้าใจข้อตกลงการใช้งานของแต่ละแพลตฟอร์ม และไม่ฝากความไว้วางใจทั้งหมดไว้ที่เทคโนโลยี จะใช้งานอย่างปลอดภัยและได้ประโยชน์มีข้อควรรู้ดังนี้
-
ใช้ AI จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัยสูง และมีนโยบายชัดเจนเรื่องการเก็บข้อมูล หลีกเลี่ยงเว็บหรือแอป AI ที่ไม่รู้จัก ที่อ้างว่า ฟรี หรือ ดีที่สุด
-
อย่าเชื่อ AI แบบไม่ตรวจสอบ AI อาจให้ข้อมูลผิดพลาด หรือแต่งข้อมูลขึ้นเอง ต้องตรวจสอบจากแหล่งข้อมูลอื่นเสมอ โดยเฉพาะข้อมูลทางกฎหมาย การแพทย์ และการเงิน
-
อัปเดตความรู้เกี่ยวกับการใช้ AI เพราะเทคโนโลยีพัฒนาอยู่ตลอดเวลา การรู้ทันการเปลี่ยนแปลง จะช่วยให้ใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
-
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในโปรแกรม AI Chat เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกเก็บไปพัฒนาต่อ มีวิธีดังนี้
Chat GPT
กดมุมขวาบน > การตั้งค่า Settings > Data Controls > เลือกปิด Improve the model for everyone
Gemini
กดซ้ายล่างที่ Activity > Gemini Apps Activity > Turn off and delete activity
-
กำหนดบทบาท AI Chat ให้ชัดเจน เทรน AI ให้เป็นผู้ช่วยเฉพาะด้าน จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์ได้ลึกขึ้น และลดความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เช่น
อัปเลเวล! ใช้ AI ยังไง ให้มากกว่าแค่ถาม-ตอบ
ในยุคที่ AI กลายเป็นเพื่อนคู่คิดของคนรุ่นใหม่ การตั้งคำถามแบบเดิม ๆ เช่น “ทำอย่างไรให้เก่งขึ้น?” อาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะสิ่งที่ได้คือคำตอบกว้าง ๆ ทั่วไปที่อาจไม่มีผลต่อชีวิตจริง หากเราเริ่ม เปลี่ยนจากการถามแบบผิวเผิน มาเป็นการใช้ AI เป็น “คู่คิด” อย่างมีกลยุทธ์ ก็จะช่วยให้เรา ก้าวไปข้างหน้าเร็วขึ้นอย่างมีทิศทาง ลองดูว่า AI จะช่วยเรายังไงได้บ้าง หากเรา “ถามให้เป็น”
1. ช่วยเปลี่ยนแนวคิดเป็นแผนการที่ลงมือทำได้จริง
แทนที่จะถามว่า “จะเริ่มธุรกิจยังไงดี” ลองให้ AI ช่วยวางโครงสร้างแผน เช่น “ช่วยร่าง Roadmap เริ่มธุรกิจจากศูนย์ใน 3 เดือน พร้อมตัวอย่างกิจกรรมรายสัปดาห์” หรือ “วางโปรแกรมฝึกวิ่ง 5K ภายใน 90 วัน โดยมีเป้าหมายชัดเจนทุกสัปดาห์”
ผลลัพธ์ที่ได้คือ แนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ทำให้เป้าหมายไม่ใช่แค่ความฝันลอย ๆ แต่กลายเป็นสิ่งที่ “ทำได้จริงตามเวลา” เหมือนมีโค้ชส่วนตัวช่วยวางแผนให้
2. เป็นผู้ช่วยฝึกภาษาต่างประเทศอย่างมีบทบาท
ถ้าการเรียนภาษาคือการพูดให้คล่อง ไม่ใช่แค่ท่องคำศัพท์ AI สามารถ “เทรนบท-สนทนา” ให้เราเหมือนมีครูฝึกข้างตัว เช่น ลองสั่งให้ AI สวมบทเป็น “ครูฝรั่ง” ที่จะโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือญี่ปุ่น โดยกำหนดสถานการณ์ เช่น “ช่วยจำลองบทสนทนาเวลาไปสมัครงานที่ต่างประเทศ” “จำลองการคุยกับลูกค้าในร้านกาแฟแบบเจ้าของร้าน” ด้วยวิธีนี้ เราจะได้ฝึก ภาษาในบริบทจริง (Context-based Practice) ซึ่งดีกว่าการท่องจำอย่างเดียวมาก และยังลดความประหม่าเมื่อต้องพูดจริงอีกด้วย
3. ช่วยสรุปหนังสือ/ข่าว/แนวคิดให้เข้าใจง่ายในเวลาจำกัด
ทุกวันนี้คนรุ่นใหม่อาจไม่มีเวลานั่งอ่านบทความหรือหนังสือทั้งเล่ม แต่ก็อยากเข้าใจประเด็นสำคัญ เพื่อพัฒนาความคิดและทักษะชีวิต AI สามารถเป็น “เครื่องกลั่นสาระ” ได้ดี เช่น
“ช่วยสรุปหนังสือ Atomic Habits ให้เข้าใจใน 5 ประเด็นหลัก พร้อมตัวอย่างใช้ในชีวิตประจำวัน” “ช่วยวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจวันนี้ สรุปมาเป็น 3 ข้อที่มีผลต่อธุรกิจ SME”
คุณจะได้แนวคิดแบบ “Essence Thinking” ไม่ต้องอ่านทุกอย่าง แต่เข้าใจแก่นที่นำไปใช้ต่อยอดได้จริง
4. ช่วยสร้างงานศิลปะ
เมื่อก่อนการสร้างงานศิลปะอาจดูเหมือนเป็นเรื่องของผู้ที่มีทักษะด้านการวาดภาพ ใช้โปรแกรม และมีอุปกรณ์เฉพาะทาง แต่ปัจจุบัน AI ได้เข้ามามีบทบาทในแวดวงศิลปะและการออกแบบอย่างมาก ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ แม้จะไม่มีพื้นฐานทางศิลปะ แค่เราป้อนข้อความตามที่เราต้องการ ระบบก็สามารถสร้างผลงานให้เราได้ทันที หรือนักออกแบบมืออาชีพก็ตาม AI ยังช่วยในการระดมไอเดียและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ด้วย จึงอาจกล่าวได้ว่า AI ไม่ได้มาแทนที่ศิลปิน แต่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญในกระบวนการสร้างสรรค์ยุคใหม่
AI จะกลายเป็นเหมือน กระจกสะท้อนความคิด ที่ไม่ได้เลือกให้คุณ แต่ช่วยให้คุณ มองเห็นทางเลือกได้กว้างและลึกขึ้น จนตัดสินใจได้ด้วยตัวเองอย่างมั่นใจมากขึ้น
AI Learning Machine Chat จะเป็นเครื่องมืออัจฉริยะที่ให้ประโยชน์อย่างมหาศาลเมื่อใช้อย่างถูกต้อง เราควรตระหนักถึงวิธีการทำงาน ข้อจำกัดของระบบ และหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลสำคัญ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุด
อ้างอิง